หน้าแรก เว็บบอร์ด


สั่งพิมพ์

ประวัติศาสตร์พริกไทย

ประวัติศาสตร์พริกไทย

พริกไทยถือเป็นเครื่องเทศประวัติศาสตร์ เชียวนะ ทั้งๆที่ในยุโรปซึ่งมีภูมิอากาศไม่เหมือน กับทางตะวันออก จึงปลูกพริกไทยไม่ได้ แล้วชาวยุโรปรู้จักพริกไทยกันตั้งแต่เมื่อใด ลองเปิดดูตำราอาหารคาวของฝรั่งมักจะไม่ค่อยพลาดพริกไทย แม้แต่อาหารง่ายๆอย่างมันฝรั่งบด เติมนมนิดพรมเกลือหน่อย โรยพริกไทยป่น ตุ๋นในน้ำเดือดๆ ก็กลายเป็นอาหารเช้าหรือกลางวันที่อร่อยมากทีเดียวครับ
ความสำคัญของพริกไทยนั้นมีมาก และมีมานานแล้วในยุโรป ตั้งแต่สมัยกรีกและโรมันด้วย พวกฟีนิเชี่ยนที่ค้าขายนำพริกไทยไปสู่กรีก แต่มันก็มีราคาแพงมาก เพราะเมื่อสมัยสองพันปีกว่านั้น พริกไทยจะมีใช้ก็แต่ผู้ที่ร่ำรวยเท่านั้น

แต่พริกไทยจะเข้าไปสู่ยุโรปเมื่อใดนั้น ไม่มีหลักฐานที่แน่นอน มีอยู่ครั้งเดียวที่ปรากฏหลักฐานของพริกไทยในยุโรป

นั่นก็คือ เมื่อกษัตริย์อลาริค (Alaric) ราชาของพวกวิสิโกธ (Visigoth) ทรงตีกรุงโรมแตก เมื่อ ค.ศ.408 ซึ่งเมื่อทรงตีได้แล้ว ก็ทรงเรียกร้องแก่ชาวโรมที่กราบทูลขอให้ ปล่อยกรุงโรมให้เป็นอิสระด้วยมูลค่าเป็นทองคำหนัก 5,000 ปอนด์

นอกจากนั้น ก็ยังมีเงินหนักสามหมื่นปอนด์ และเสื้อ 4,000 ตัว ตรงนี้แหละครับ แสดงให้เห็นว่าฝีมือการตัดเย็บเสื้อของช่างกรุงโรมเนี้ยบถูกใจพวกเยอรมันนัก

และที่ต่อท้ายคำเรียกร้องแลกกับอิสรภาพของชาวโรม ก็คือพริกไทย 3,000 ปอนด์ จะกวาดมาหมดกรุงได้หรือไม่ อลาริคไม่สน แต่กลับทำความวุ่นวายให้ชาวโรมเป็นอย่างยิ่ง เพราะ "เงินทองก็พอหาได้" เสื้อรึช่างโรมันตัดเสียพักเดียว เกณฑ์เอาบ้านละตัวเดี๋ยวก็เสร็จ แต่พริกไทยนี่สิ กษัตริย์อลาริคจะเอาไปตั้งร้านขายพริกไทยหรืออย่างไรกันครับ

พวกที่เที่ยวเก็บพริกไทยในกรุงโรมก็เก็บไป ครัวผู้ดีมีอัฐบ้านไหนตุนพริกไทยเอาไว้ เอามาให้เสียดีๆ ห้ามเม้ม จนมีคนถามกษัตริย์ อลาริคว่า "พระองค์จะเอาพริกไทยไปทำอะไร"

ราชาของวิสิโกธยิ้มร่า บอกว่า "ก็เอาพริกไทยไปทำไส้กรอกน่ะซี ฮ่าๆ ไส้กรอกน่ะใส่พริกไทยแล้วอร่อย นำติดตัวไปก็ง่าย ติดถุงพาดหลังม้าไปรบที่ไหนๆก็สะดวก หิวขึ้นมาก็กินไส้กรอกนี่แหละ"

สมควรขอบพระทัยกษัตริย์อลาริคให้มากด้วยปรากฏชัดว่าเป็นต้นตำรับเจ๋งๆยังงี้ น่าเสียดายที่ไม่ยักทรงอธิบายการทำเอาไว้ด้วย

นี่เป็นประวัติที่ปรากฏความสำคัญของพริกไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทำให้รู้ว่าพริกไทยมีค่ามากจนอยู่ในเงื่อนไขของความเป็นไทของชาวโรมัน

ไพลนี่ น้อย (Pliny The Younger) ได้ ประชดประชันเอาไว้กับความบ้าคลั่งพริกไทยของเศรษฐีกรุงโรม ในข้อที่ยินยอมเสียเงินเสียทองไปซื้อพริกไทยมาใช้ปรุงอาหารอย่างบ้าคลั่ง ครับ สงสัยไพลนี่คงจะเป็นโรคไม่ถูกกับพริกไทย หรือไม่งั้นก็ไม่เคยกิน

แต่ชาวตะวันออกคิดตรงข้ามกับไพลนี่ มีบันทึกอยู่ในจารึกเป็นภาษาสันสกฤตว่า "ทองเดินทางมายังเราเพื่อขนเอาเจ้าเมล็ดเล็กๆที่ผงของมันดมเข้าจะต้องส่งเสียงก้องทางจมูก ท่าเรือมูซิริส (Muziris) เป็นที่ที่ส่งมันออกไปแลกกับทอง" เอาพริกไทยไป เอาทองมาว่างั้นเถอะ

พริกไทยจึงมีความสำคัญและราคาสูงมากจนใช้แทนค่าภาษีที่เมืองอเล็กซานเดรีย เรือที่จอดในท่าเรือของเมือง หมายถึงพริกไทยจำนวนหนึ่งจะต้องนำมาใช้เป็นค่าป่วยการ เพราะชาวอียิปต์รู้แล้วว่า ทองกำลังไหลมาจากโรมัน และพริกไทยกำลังถูกนำไปด้วยราคาที่สูงกว่าทอง

นับว่าเป็นโชคดีของชาวตะวันออกที่มีเครื่องเทศมากมาย โดยเฉพาะพริกไทยเอาไว้โกยเอาทองจากตะวันตก ชนิดที่ว่ากองเรือนับพันลำบุกบั่นจากยุโรปมาทำการค้าหาเครื่องเทศ ซึ่งนั่นก็คือพริกไทยยังไงล่ะครับ

หลังจากนั้นตระกูลเครื่องเทศก็เพิ่มความสำคัญยิ่งขึ้น อย่างเช่น อบเชย (Cinna-mon) ลูกจันทน์ (Nutmeg) กานพลู (Clover) และกระวาน (Cardemon) และเครื่องเทศอีกราว 20 ชนิด ในตระกูลไปเปอร์ (Piper) อันเป็นตระกูลเดียวกับพริกไทย

แต่เมื่อถึงยุคมืดในยุโรป การนำเอาพริกไทยไปขายก็เกือบจะไม่มี เพราะทั้งการรุกราน และทั้งโรคระบาด ตลอดจนการปล้นพวกที่ค้าขายทั้งทางเรือและทางบกไปยังยุโรป

และแล้ว เมื่อยุโรปเริ่มฟื้นตัว พริกไทยก็ฟื้นตาม เอกสารโบราณระบุว่า กษัตริย์ทรงนำเอาพริกไทยใส่ถุงไปถวายวัดในเทศกาลคริสต์มาส ทั้งในยุโรปและเกาะอังกฤษ

และจากสงครามครูเสดที่ผ่านมา พลเมืองก็รู้จักพริกไทยกันทั่วไป โดยนักรบนำเอามาจากตะวันออก และรู้จักนำเอาพริกไทยมาปรุงรสกับหัวหอมจะเพิ่มเนื้อหรือไก่กับมะเขือเทศและลูกจันทน์ แถมด้วยมันฝรั่งก็ไม่ผิดกติกาอันใด

ไม่ว่าเที่ยวเรือใด ม้าลาและฬ่อที่เดินทางมาจากตะวันออก จะต้องมีพริกไทยติดมาด้วย เพราะว่าน้ำหนักเบา ขายง่าย แถมยังมีราคาสูงลิ่ว ทั้งพริกไทยขาวและดำในเมืองซีซาเรีย (Ceasarea) นั้น พริกไทย 2 ปอนด์ มีค่าเท่ากับไก่งวง 1,101 ตัว ก็ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องมีเศษ 1 ตัวด้วยครับ และในเยนัว ประเทศอิตาลี ก็เคยมีการจ่ายพริกไทยให้ทหารเป็นเบี้ยเลี้ยงแทน

เคยมีกษัตริย์ หลายพระองค์สั่งให้นำเอาพริกไทยไปปลูกในพื้นที่ทางตอนใต้ แต่มันก็เป็นดินแดนยุโรป ไม่ใช่ตะวันออก ก็เลยไม่ได้ผล จนกษัตริย์บางองค์อย่างพระเจ้าเลโอโปลที่ 1 ตรัสใน ค.ศ.1830 ว่า "พริกไทยนั้นมันสำคัญขึ้นมาก็ด้วยพวกท่านนั่นเอง" คงจะทรงพิโรธที่พริกไทยแพงนัก

กองเรือโปรตุเกสที่นำโดยวาสโกดากาม่า มุ่งหน้ามาทางตะวันออก เมื่อ ค.ศ.1499 ตามด้วยกองเรือสเปน ฮอลแลนด์ อังกฤษ ทั้งหมดนี้เดินทางมาสู่อินเดีย จีน และอาหรับ เพื่อนำความเอร็ดอร่อยของพริกไทยไปเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก

แต่บรรดานักเดินเรือเหล่านี้ ต้องทอดร่างทิ้งชีวิตอยู่ ณ ดินแดนตะวันออกกันมากมาย เพราะถูกฆ่าตาย เนื่องจากความพยายามในการแย่งชิงดินแดนอันอุดมไปด้วยพริกไทย

ไม่น่าเชื่อว่าพริกไทยเม็ดเล็กๆนั้นจะมีบทบาทมากมายถึงเพียงนี้ ไม่เพียงแต่สร้างรสชาติไว้ในจานอาหารเท่านั้น แต่พริกไทยยังได้สร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ให้ประวัติศาสตร์โลกต้องจารึกไว้อีกด้วย.
ไฟลล์แนบ: ระดับของกลุ่มสมาชิกนี้ไม่สามารถมองเห็นไฟลล์แนบได้

TOP