อุเทนฯ เหยื่อชี้รูป11รุ่นพี่หญิงโหด
พอรู้ตัว-ชื่อแล้ว10รุ่นพี่หญิง
ต่อมาเวลา 13.50 น. นายสมพงษ์ ชีไธสง คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตย กรรมศาสตร์ แถลงข่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้งดเว้นการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ไปจนกว่าจะได้ข้อยุติทั้งหมด และเรื่องต่างๆ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนั้นยังตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว เพื่อหาตัวรุ่นพี่ที่กระทำความผิดมาลงโทษตามระเบียบของมหาวิทยาลัย คาดว่าจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์ ขณะนี้พอทราบตัวรุ่นพี่ที่กระทำความผิดดังกล่าวบ้างแล้ว เบื้องต้นทราบรายชื่อแล้วจำนวน 10 คน และจากการตรวจสอบพบผู้กระทำผิดทั้งหมดเป็นนักศึกษาปัจจุบัน ยังไม่พบว่ามีศิษย์เก่าร่วมกระทำความผิดแต่อย่างใด แต่ต้องรอผลการตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดภาคการศึกษามามีนักศึกษาที่ลาออกอย่างเป็นทางการ เพียงแค่ 2 รายเท่านั้น โดยระบุเหตุผลว่า ไม่สบายใจที่จะศึกษาในอุเทนถวาย แต่ไม่ได้ระบุว่าสาเหตุมาจากความรุนแรงของรุนพี่ ส่วนที่เป็นข่าวว่า ลาออกไปกว่า 20 คนนั้นต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง สำหรับบทลงโทษนั้นมีตั้งแต่ พักการศึกษา 1-2 ภาคเรียน ให้ออกจากสภาพนักศึกษา และที่รุนแรงที่สุดคือ การไล่ออกจากสภาพนักศึกษา ที่ผ่านมา วข.อุเทนถวายไม่เคยนิ่งนอนใจในการลงโทษนักศึกษาที่ทำความผิด เมื่อปีการศึกษาที่ผ่านมา ใช้อำนาจคณบดีสั่งพักการเรียน 2 ภาคเรียนไปประมาณ 100 คน และมีอีกประมาณ 1-2 คน ที่อธิการบดีมีคำสั่งให้ออกจากสภาพนักศึกษา
นายสมพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอยืนยันไม่มีอาจารย์ในวข.อุเทนถวาย ท่านใดสนับสนุนให้มีการรับร้องที่รุนแรง หรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันอื่น ส่วนตัวแล้วมองว่า การบังคับให้ทำอะไรจนเป็นการทำร้ายจิตใจรุ่นน้อง เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมนูญ จิตรสำเริง รองคณบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษา ที่นั่งอยู่ในห้องแถลงข่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ยอมพูดอะไรเลยมาโดยตลอด ได้กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่ใช่การจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ตามข้อกำหนดของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเพียงกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องเท่านั้น แต่หลังจากนี้หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาความรุนแรงภายในวข.อุเทนถวายได้ พร้อมที่จะลาออกทันที จากนั้น นายมนูญก็รีบเดินออกจากห้องแถลงข่าวอย่างรวดเร็ว โดยไม่ยอมตอบข้อซักถามอื่นแต่อย่างใด
- เหยื่อชี้รูป11รุ่นพี่หญิงโหด
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตอุเทนถวาย เดินทางมาพบนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิ และน.ส.บุษ (นามสมมติ) นักศึกษาสาวผู้ร้องเรียนเพื่อนำแฟ้มภาพประวัตินักศึกษารุ่นพี่มาให้นักศึกษาสาวผู้เสียหายชี้ตัว ซึ่งผู้เสียหายสามารถชี้ตัวผู้ออกคำสั่งได้ 1 คน เป็นนักศึกษารุ่นพี่ผู้หญิง และสามารถชี้ตัวนักศึกษารุ่นพี่ที่อยู่ในเหตุการณ์และเห็นเหตุการณ์ จำนวน 10 กว่าราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง คณะเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ปกครองนำบุตรที่ถูกรับน้องโหดเข้าร้องต่อมูลนิธิปวีณาฯ อีก 1 ราย และมีผู้ปกครองเข้าร้องด้วยตนเองอีก 2 ราย ซึ่งผู้ปกครองทั้ง 3 รายต้องการย้ายบุตรออกไปศึกษาที่สถาบันอื่นและต้องการขอเงินค่าลงทะเบียนคืน เนื่องจากเกรงว่าการรับน้องที่รุ่นพี่ของสถาบันดังกล่าวกระทำ จะทำให้บุตรได้รับอันตรายไปมากกว่านี้
- โฉ่อีกกักรุ่นน้องหญิงกลับตี4
ผู้ปกครอง น.ส.นก (นามสมมติ) น.ศ.ปี 1 คณะสถาปัตยกรรม เปิดเผยว่า ลูกสาวสอบเข้าได้ที่อุเทนถวาย ตอนแรกตนไม่ค่อยอยากให้เข้าเรียน แต่เป็นความต้องการของลูกสาว เพราะตั้งใจสอบเข้าเอง จึงยอมให้เรียนที่สถาบันดังกล่าว เสียค่าลงทะเบียนและค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นเงิน 10,000 กว่าบาท เริ่มเรียนเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ 3 วันแรกที่ลูกสาวไปเรียน มักจะกลับบ้านดึก แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร และไม่ได้สอบถาม ต่อมาวันที่ 4 ลูกสาวแจ้งกับตนว่าจะกลับดึกหน่อย ประมาณ ตี 3-4 พร้อมทั้งบอกว่ารุ่นพี่จะพาไปบ้านรุ่นพี่แต่ละคนเพื่อทำความรู้จักกันไว้ ตนจึงเอะใจว่าทำไมต้องกลับดึกขนาดนั้น และดูพฤติกรรมลูกสาวแล้วรู้สึกว่ามีนิสัยเปลี่ยนไป จากร่าเริง กลับเป็นคนนิ่งเฉย จึงสอบถามลูกเล่าให้ฟังว่าถูกรุ่นพี่กระทำรับน้องโหด จนไม่อยากไปเรียนสถาบันนี้แล้ว ตนจึงไม่ให้ลูกไปเรียน และเตรียมทำเรื่องขอย้ายโรงเรียน และขอเงินค่าลงทะเบียนคืน เพราะเพิ่งเรียนได้เพียง 3 วันเท่านั้น
- รุ่นพี่ชายก็ไม่เบาตบหัวรุ่นน้อง
ขณะที่ผู้ปกครองอีกคน ต้องการให้บุตรชายออกจากมหาลัยดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยร้องเรียนว่าบุตรชายเข้าเรียนได้ประมาณ 3 วัน ก็ถูกรุ่นพี่ตบหัว จึงเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของบุตรชาย จึงตัดสินใจจะให้ลาออกจากสถาบันดังกล่าว
ส่วนผู้ปกครองอีกรายหนึ่ง กล่าวว่า หลังจากที่เสียค่าลงทะเบียนให้บุตรสาวของตนเพียงแค่สามวันก็ต้องให้ออกเมื่อบุตรสาวของตนบอกว่า ถูกทำร้ายร่างกายโดยรุ่นพี่ ซึ่งเป็นผู้หญิงชกเข้าที่ใบหน้า และขู่ไม่ให้บอกใครไม่เช่นนั้นจะโดนหนักกว่านี้ ตนจึงตัดสินใจจะให้ลูกสาวลาออก เพื่อความปลอดภัยเช่นกัน
น.ส.บุษ (นามสมมติ) เปิดเผยหลังชี้รูปรุ่นพี่โหดกว่า 10 คน ว่า ตนไม่อยากให้ใครเสียอนาคตหรอก แต่การกระทำที่เลวร้ายต่อความรู้สึกเช่นนี้ ถือว่าที่ทำไปเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และไม่อยากให้การรับน้องเป็นแบบนี้ รู้สึกเสียดายเหมือนกัน เนื่องจากอุตส่าห์สอบเข้าสถาบันนี้ได้ด้วยความสามารถ ทั้งที่ได้โควตาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ส่วนเงินค่าลงทะเบียนก็ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงจากรับจ้างวาดภาพส่งขายที่ร้านภาพแห่งหนึ่งที่ จ.ภูเก็ต เก็บรวบรวมเงินเสียค่าลงทะเบียน 11,720 บาท แต่กลับเจอเหตุการณ์ที่ทำร้ายความรู้สึกเช่นนี้ จึงไม่ต้องการจะเรียนที่นี่ต่อไป ขอย้ายไปเรียนที่อื่นดีกว่า
- "ปวีณา"เผยร้องเรียนเพิ่มอีก10
ด้านนายสืบพงษ์ กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยขอให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งข้อมูลกับทางวิทยาลัย เพื่อสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งจะได้ลงโทษตามข้อกำหนดที่ทางวิทยาลัยกำหนดไว้ หากการกระทำเป็นความผิดไม่มาก ก็จะลงโทษด้วยการพักการเรียน แต่หากการกระทำรุนแรง ก็จะลงโทษด้วยการให้ออกจากสถาบัน และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ดำเนินคดีไปตามกระบวนการ หลังจากนี้จะเข้มงวดกวดขันเรื่องการรับน้องเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นอีก และหากนักศึกษาปี 1 ที่ถูกกระทำแล้วหยุดเรียนไป ต้องการกลับเข้าเรียน ก็จะดำเนินการดูแลความปลอดภัยให้นักศึกษา หากเกรงว่าจะถูกทำร้าย
ด้านนางปวีณา หงสกุล กล่าวว่า หลังจากที่มีข่าวออกไปได้มีผู้ปกครองและเด็กเดินทางเข้ามาร้องถึงเรื่องนี้ด้วยตัวเองถึง 4 รายและโทรศัพท์เข้ามาร้องอีก 6 รายว่าถูกรุ่นพี่ของอุเทนถวายรับน้องอย่างโหดร้ายทารุณ ซึ่งตนได้ประสานไปยัง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งนายจุรินทร์ ได้มอบหมายให้นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ มาดูแลในเรื่องนี้ ในวันที่ 9 มิ.ย. เวลาเที่ยงจะมีคณะกรรมการตรวจสอบในเรื่องนี้มาที่มูลนิธิ เพื่อขอข้อมูลและพูดคุยกับผู้ปกครอง ต้องยอมรับว่าเด็กทุกคนที่เข้ามาร้องกับตนเป็นเด็กที่รักเรียนและต้องการเรียนที่สถาบันแห่งนี้แต่เมื่อเจอปัญหาดังกล่าว พวกเด็กเหล่านี้จะทำอย่างไร ต้องมาหาที่เรียนใหม่เสียเงินเสียทองกันใหม่ ซึ่งคงต้องฝากกระทรวงศึกษาฯ ดูแลในเรื่องนี้ด้วย
ไฟลล์แนบ: ระดับของกลุ่มสมาชิกนี้ไม่สามารถมองเห็นไฟลล์แนบได้
