เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายไพรัช วงศ์พาณิชอักษร อายุ 48 ปี และน.ส.สุวรัตน์ หรือเหน่ง การกรณ์ อายุ 26 ปี อดีตรองมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2549 (ในภาพ คนขวา) ปีเดียวกับชาม-ไอวริณ โอสถานนท์ ผู้พิชิตมงกุฎ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.มาโนช สวนดอกไม้ พงส.(สบ 2) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อรับทราบข้อหาร่วมกันฉ้อโกง


สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายจักรพันธ์ แก้วมุกดา อายุ 31 ปี ผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่า ถูกนายไพรัชและน.ส.สุวรัตน์ฉ้อโกง โดยชักชวนให้ตนกับน.ส.รุ่งทิวา หรือติ๊ก นิลคำ อายุ 26 ปี แฟนสาว ร่วมทำธุรกิจ แต่กลับเป็นหนี้เงินกู้จากการทำธุรกรรมทางการเงินหลายรายการ รวมเป็นเงินกว่า 17 ล้านบาท


นายจักรพันธ์ กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2549 ได้รู้จักกับน.ส.สุวรัตน์ผ่านแฟนสาว โดยน.ส.สุวรัตน์และนายไพรัชชักชวนให้ตนร่วมทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยนำชื่อและเอกสารสำคัญของตนไปกู้เงินจากธนาคารเป็นเงินกว่า 1.2 ล้านบาท แต่การทำธุรกิจดังกล่าวกลับไม่ประสบผลสำเร็จ หลังจากนั้นเมื่อประมาณปี 2550 ทั้งสองยังชักชวนให้ร่วมเปิดบริษัท บีกูเป้กรุ๊ป จำกัด เพื่อให้บริการรถเช่าโดยให้ตนกับแฟนสาวเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้กับสถาบันการเงินอีกหลายแห่ง เพื่อซื้อรถยนต์ยี่ห้อดัง รวม 6 คัน เป็นเงินประมาณ 7 ล้านบาท แต่ธุรกิจดังกล่าวก็ล้มเหลวอีกครั้ง


ผู้เสียหายรายนี้ กล่าวอีกว่า ต่อมา นายไพรัชและน.ส.สุวรัตน์ยังขอชื่อตนไปเป็นกรรมการบริษัท รวมพลคนรักกุ้ง จำกัด เพื่อทำธุรกิจร้านอาหาร "กุ้งเผารีสอร์ท" ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ก่อนจะนำชื่อตนไปกู้เงินธนาคารหลายแห่ง เพื่อลงทุนซื้อที่ดินและบ้านอีก 10 หลัง ที่เมืองเอกรังสิต จ.ปทุมธานี โดยตนไม่ได้รับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทน กระทั่งธนาคารเริ่มติดตามทวงหนี้จากตนรวม มูลค่ากว่า 17 ล้านบาท เมื่อสอบถามจาก น.ส.สุวรัตน์ ก็อ้างว่าจะชดใช้ให้ทั้งหมด แต่ถึงขณะนี้กลับยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ตนจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทั้งสอง