หน้าแรก เว็บบอร์ด


สั่งพิมพ์

ผัวเมียโหด รับสิ้นแขวนคอ2ดญ.

ผัวเมียโหด รับสิ้นแขวนคอ2ดญ.

เพื่อนบ้านแท้ๆ อ้างปล้นทรัพย์ ไม่กล้าทำแผน กลัวประชาทัณฑ์
รวบแล้วฆาตกรโหด ฆ่าแขวนคอ 2 หนูน้อย คดีสยองเมืองหาดใหญ่ เผยที่แท้สองผัวเมียเพื่อนบ้านทั้งที่สนิทสนมครอบครัวเหยื่อเป็นอย่างดี ยังทำได้ลงคอ สารภาพเจตนาปล้นทรัพย์หาเงินใช้หนี้ กลัวเด็กจำได้เลยฆ่าปิดปาก แฉหลังเกิดเหตุทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังไปช่วยงานศพด้วยซ้ำ ตร.ไม่กล้าคุมตัวทำแผน กลัวญาติพี่น้องเหยื่อรุมประชาทัณฑ์

จากคดีสะเทือนขวัญ คนร้ายฆ่าแขวนคอด.ญ.อภิสา ทาศรี อายุ 12 ปี และด.ญ.อรวรรณ ทาศรี อายุ 7 ขวบ สองพี่น้องในบ้านพักเลขที่ 11 หมู่ 5 บ้านเกาะหมี ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยคนร้ายใช้เชือกผูกคอกับคานหลังบ้าน ตรวจสอบทราบว่า เงินสดและสร้อยทองคำหนัก 2 บาทหายไป เบื้องต้นตำรวจสงสัยปล้นทรัพย์ แล้วคนร้ายกลัวเหยื่อจำหน้าได้จึงฆ่าทิ้ง และอีกปมขัดแย้งมรดกที่ดิน เนื่องจากนางเรียม บิลยะแม อายุ 31 ปี แม่ 2 เด็กน้อย มีปัญหาฟ้องกับญาติบางคน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้แล้วมีด้วยกัน 2 คน คือ นายสุเรนทร์ บิลละเส๊ะ อายุ 45 ปี และนางสุธา สังข์ทอง อายุ 39 ปี สองผัวเมีย อยู่บ้านเลขที่ 63/3 ถนนภาษีเจริญ 2 ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นบ้านเช่าอยู่ใกล้บ้านที่เกิดเหตุ ภายหลังตำรวจเชิญตัวมาสอบสวนตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนยอมรับสารภาพจนหมดเปลือก

สอบสวนทั้งคู่ให้การสารภาพว่า คืนเกิดเหตุต้องการเข้าไปลักทรัพย์ โดยนางสุธาเป็นคนไปเคาะประตูบ้าน และด.ญ.อภิสาเปิดประตูออกมา จากนั้นนางสุธาจับตัวด.ญ.อภิสา และใช้มือปิดปากปิดจมูกจนสลบ ก่อนบอกให้นายสุเรนทร์ ที่รออยู่ข้างนอกเข้ามานำตัวด.ญ.อภิสาไปแขวนคอที่ขนำหลังบ้าน ก่อนจะช่วยกันรื้อค้นทรัพย์สินในบ้าน ระหว่างนั้นด.ญ.อรวรรณ ที่นอนอยู่ในห้องตื่นขึ้นมาเห็น จึงจับปิดปากปิดจมูกไม่ให้ส่งเสียงร้องจนสลบ ก่อนนำร่างไปแขวนคอที่เดียวกับพี่สาว แล้วช่วยกันรื้อค้นเงินสด 13,000 บาท และสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น หลบหนีไป

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่สภ.หาดใหญ่ พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผบช.ภาค 9 พร้อมด้วยพล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รองผบช.ภาค 9 และพล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผบก.สงขลา นำตัวนายสุเรนทร์และนางสุธา มาแถลงข่าว พร้อมของกลาง สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท เงินสด 5,000 บาท รองเท้าแตะเปื้อนโคลน 1 คู่ เชือกไนลอนที่ใช้ผูกคอเด็ก มีด และเสื้อผ้าของนางสุธา ที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ

ระหว่างแถลงผลจับกุม พล.ต.ท.ธานี ให้ผู้ต้องหาเล่าถึงเหตุการณ์และสาเหตุที่ต้องฆ่าเด็กน้อยทั้ง 2 คน โดยนายสุเรนทร์ กล่าวว่า เป็นหนี้สินกว่า 1 แสนบาท ต้องการนำเงินไปใช้หนี้และใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งค่าผ่อนรถและค่าเทอมลูก เมื่อเข้าตาจนจึงเกิดความคิดชั่ววูบ ตัดสินใจเข้าไปลักทรัพย์บ้านเหยื่อ เพราะรู้ว่ามีเงินและทอง โดยเลือกลงมือในช่วงใกล้รุ่ง ระหว่างตากับยายของเด็กหญิงออกไปกรีดยาง จากนั้นให้นางสุธาเรียกด.ญ.อภิสาให้เปิดประตูห้องนอน โดยออกอุบายว่ายายเป็นลมล้มอยู่ในสวนยาง เมื่อเด็กเปิดประตูออกมาก็ใช้มือปิดปากปิดจมูกจนแน่นิ่ง และให้นางสุธา หาเศษผ้ามาผูกขา แล้วพาไปไว้หลังบ้านโดยใช้เชือกรองเท้ามัดคอไว้กับแคร่ จากนั้นช่วยรื้อค้นทรัพย์สิน แต่ด.ญ.อรวรรณ น้องสาวตื่นขึ้นมา จึงบีบคอจนแน่นิ่ง แล้วนำเชือกรองเท้ามัดคอด.ญ.อรวรรณ และนำไปไว้หลังบ้าน ก่อนจะใช้เชือกรัดคอติดไว้กับพี่สาว

"เป็นอารมณ์ชั่ววูบ ตกใจและกลัวว่าจะนำเรื่องไปบอกแม่และตากับยาย จำเป็นต้องฆ่าปิดปากทั้ง 2 คน แม้ว่าจะสนิทสนมคุ้นเคยกับเด็กเป็นอย่างดี ครอบครัวนี้ก็มีบุญคุณกับผม เพราะเมื่อเดือดร้อนเคยไปหยิบยืมเงินจากนางไรยายของเด็กเป็นประจำ ก็ได้รับความช่วยเหลือมาโดยตลอด เหตุที่ทำไปเพราะเข้าตาจนจริงๆ ไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร หลังก่อเหตุพยายามคุมสติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่ได้หลบหนีไปไหน ยังคงพักอยู่ที่บ้านเช่า และอยู่ช่วยงานศพมาตลอด วันแรกภาพของเด็กทั้ง 2 คน ตามมาหลอนและติดตาอยู่ตลอด ผมพร้อมชดใช้กรรมที่ก่อขึ้น" นายสุเรนทร์ กล่าว

พล.ต.ท.ธานี กล่าวถึงเบื้องหลังการจับกุมว่า จากการสอบสวนพยานแวดล้อมจุดเกิดเหตุในวันแรก นางสุธา 1 ในผู้ต้องหาให้การหลอกตำรวจว่า เห็นรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ มากลับรถหน้าบ้านประมาณ 05.30 น. ซึ่งขัดแย้งคำให้การพยานปากอื่น และจากการตรวจสอบประวัติผู้ที่มาเช่าบ้านอยู่ข้างบ้านเกิดเหตุ 6 หลัง พบว่ามีเพียงนางสุธา คนเดียวที่เคยมีประวัติต้องโทษคดีลักทรัพย์เมื่อปี 2548 ในพื้นที่อ.หาดใหญ่ ศาลจำคุก 1 ปี 6 เดือน ตำรวจจึงติดตามพฤติกรรมของนางสุธาและนายสุเรนทร์ อย่างใกล้ชิด

ผบช.ภาค 9 กล่าวต่อว่า กระทั่งวันที่ 19 พ.ค. เริ่มมีความชัดเจนขึ้น เมื่อตำรวจชุดสืบสวนของจังหวัด และสภ.หาดใหญ่ ลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมโยงคดี ปรากฏว่าพบหลักฐานชิ้นสำคัญ คือ รองเท้าแตะเปื้อนโคลนของนายเฉม ตาของเด็ก ที่หายไปในวันเกิดเหตุ ตกอยู่ในสวนยางหลังบ้านเช่าของนางสุธา จึงเชิญตัวทั้ง 2 คนมาสอบสวนขยายผล จนกระทั่งยอมจำนนต่อหลักฐาน และเปิดปากรับสารภาพ

พล.ต.ท.ธานี กล่าวอีกว่า หลังการจับกุม ตำรวจพานางสุธาไปที่ร้านทองทองดีที่นำทองไปขาย ซึ่งทางร้านทองยืนยันว่ารับซื้อไว้จริง นอกจากนี้ ยังมีทองปลอมอีกเส้น ที่นางสุธานำไปโยนทิ้งริมสะพานคลองพลา ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ ทางตำรวจยึดกลับมาได้ ส่วนเงินสด 13,000 บาท นายสุเรนทร์นำเงินไปใช้หนี้นายจ้างที่เป็นผู้รับเหมาทำเฟอร์นิเจอร์ ที่ยืมมา 5,000 บาท ที่เหลือนำไปใช้ส่วนตัวจนหมด และหลังเกิดเหตุนายจ้างนำเงินมาคืนเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นของกลางประกอบคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ระหว่างแถลง นางเรียม บิลยะแม แม่ 2 เด็กน้อย ถามผู้ต้องหาทั้ง 2 ด้วยความโกรธว่า ฆ่าลูกสาวทำไม ก่อนจะกล่าวว่า รู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดี ทั้งที่ผู้ต้องหามักจะวานให้ลูกสาวคนโตไปซื้อของให้เป็นประจำ ที่สำคัญครอบครัวมีบุญคุณกับผู้ต้องหา คอยช่วยเหลือเรื่องเงินทองอยู่เป็นประจำ

นางเรียม กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุ นางสุธายังโทรศัพท์มาข่มขู่ตนอีกต่างหาก โดยพยายามปลอมเสียง บอกว่าให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ ให้มันจบลง ไม่อย่างนั้นจะฆ่าให้ตายยกครัวตามลูกไปด้วย แม้จะปลอมเสียงแต่ก็จำได้แม่นยำว่าเป็นเสียงนางสุธา จึงแจ้งข้อมูลให้ตำรวจทราบ เนื่องจากสงสัยในพฤติกรรมสองผัวเมียมาตลอด เมื่อได้ยินเสียง จึงมั่นใจว่าเป็นคนลงมือฆ่าลูกสาวแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลง เจ้าหน้าที่ต้องยกเลิกการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากที่บ้านเกิดเหตุ ญาติและชาวบ้านทั้งในพื้นที่ต.คลองแห และตำบลใกล้เคียง นับพันคนไปรวมตัว เพื่อรอดูหน้าสองผัวเมียโหด และยังร่วมกันบริจาคเงินทำบุญช่วยเหลือครอบครัวของสองพี่น้อง ท่ามกลางความเศร้าสลด อีกทั้งรุมสาปแช่งคนร้าย
ไฟลล์แนบ: ระดับของกลุ่มสมาชิกนี้ไม่สามารถมองเห็นไฟลล์แนบได้
--แค่คำขอบคุณสักนิด จะลำบากไปไหมคะ--

TOP