หน้าแรก เว็บบอร์ด


สั่งพิมพ์

โจรใต้สารเลว ฆ่าอีกสาวก่อสร้าง! ทิ้งจม.อ้างแค้นจนท.

โจรใต้สารเลว ฆ่าอีกสาวก่อสร้าง! ทิ้งจม.อ้างแค้นจนท.

http://www.matichon.co.th/khaoso ... 09TMHdOaTB4TVE9PQ==
วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6769 ข่าวสดรายวัน


ฆ่าอีกสาวก่อสร้าง! ทิ้งจม.อ้างแค้นจนท.

ฆ่ารายวัน - น.ส.จิระพร อาศากิจ อายุ 25 ปี บ้านเดิมอยู่สกลนคร มาทำงานก่อ สร้างคูระบายน้ำที่ ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา โดน 2 โจรใต้บุกยิงตายคาไซต์งาน เพื่อนคนงานสาหัสอีก 2 โดยโจรทิ้งจ.ม.ไว้ด้วย

ตำรวจนราฯ ออกหมายจับ 3 โจรใต้พร้อม ตั้งค่าหัวรายละ 3 หมื่น โยงคดียิงครูท้อง-วางคาร์บอมบ์-ยิงถล่ม 10 ศพในมัสยิด เจ้าหน้าที่เตือนครูรามัน ยะลา ระวังตัว ระบุมีข่าวโจรใต้สุมหัววางแผนก่อเหตุร้ายอีก ขณะที่ 2 โจ๋ทำทีเข้าไปคุยกับคนงานก่อสร้าง ฉวยโอกาสทีเผลอนั่งกินข้าวกลางวัน ยิงคนงานสาวดับคาที่ อีก 2 รายสาหัส แถมทิ้งใบปลิวอ้างตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ ด้าน "สุเทพ" เตรียมลงใต้อีกรอบ 1-2 วันนี้ ทำความเข้าใจชาวบ้านจุดถูกถล่มมัสยิด เพราะเป็นกลุ่มที่ร่วมมือดีกับรัฐ เกรงว่าจะเสียขวัญ ระบุมีข่าวลือผิดปกติหลังเกิดเหตุ กำชับเร่งทำตามแผนขับเคลื่อนภาคใต้ด้วยงบ 1.6 หมื่นล้าน ขณะที่ยธ. พบยอดคนหาย 149 คน

-ออกหมายจับ3มือยิงครูท้อง

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นราธิวาส ถึงความคืบหน้าการติดตามคนร้ายก่อเหตุในพื้นที่ อ.ระแงะ ยี่งอ และเจาะไอร้อง 4 คดี ตั้งแต่ช่วงวันที่ 2-8 มิ.ย.ที่ผ่านมา คือ คดีสังหารโหดนางวารุณี นะวะกะ ครูโรงเรียนบ้านริแง และนางอัจฉราภรณ์ เทพษร ครูโรงเรียนบ้านดุซง อ.จะแนะ ซึ่งตั้งท้อง 8 เดือนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. และยิงถล่มร้านน้ำชาในพื้นที่ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ รวมทั้งยิงอส.ยี่งอ แล้ววางระเบิดคาร์บอมบ์ซ้ำ และล่าสุดคืนวันที่ 8 มิ.ย. คนร้ายใช้อาวุธสงครามบุกยิงชาวบ้านเสียชีวิต ขณะละหมาดในมัสยิดอัลกูรกอน บ้านไอปาแย หมู่ 8 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เสียชีวิต 10 คน บาดเจ็บ 13 คน

พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะ เปิดเผยความคืบหน้าของคดี หลังจากที่ได้สอบปากคำพยานกว่า 10 ปาก จนขอออกหมายจับคนร้ายยิงครูทั้ง 2 คนได้แล้ว 3 คน คือ 1.นายมูฮัมหมัดสูนี ดะและ 2.นายอำรัน มิง และ 3.นายมะซาเอ๊ะ หะยีดีเยาะดียะ มีภูมิลำเนาในอ.ระแงะ จ.นราธิวาส พร้อมตั้งค่าหัวทั้ง 3 รายละ 3 หมื่นบาท ซึ่งนายมูฮัมหมัดสูนียิงครูวารุณี ส่วนนายอำรันและนายมะซาเอ๊ะยิงครูอัจฉราภรณ์

นอกจากนี้ คนร้ายกลุ่มนี้ยังมีส่วนร่วมก่อเหตุยิงถล่มร้านน้ำชา เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย. และยิงอส.ยี่งอ แล้ววางระเบิดคาร์บอมบ์ซ้ำ ที่หน้าร้านขายยาในเขตเทศบาลตำบลยี่งอ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. และยังร่วมกับพวกประมาณ 10 คน บุกยิงชาวบ้านเสียชีวิตในมัสยิดอัลกูรกอน เมื่อคืนวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรอผลตรวจสอบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ว่ามาจากปืนกระบอกเดียวกันหรือไม่ ซึ่งหากตรงกันจะทยอยออกหมายจับสมาชิกในกลุ่มอีก 10 คนต่อไป

-เตือนสุมหัวจะก่อเหตุอีก

ส่วนกรณีคนร้ายวางระเบิดข้างห้องขายตั๋วรถตู้สายยะลา-หาดใหญ่ อ.เมือง จ.ยะลา มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ความคืบหน้าเรื่องนี้ วันเดียวกัน เวลา 08.00 น. ที่คิวรถตู้โดยสารบริษัทสหยะลาขนส่ง ประชาชนยังทยอยมาใช้บริการรถตู้ เดินทางไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่คึกคักนัก เนื่องจากมีประชาชนบางส่วนเข้าใจว่ารถหยุดให้บริการ ส่วนความคืบหน้าด้านคดี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนสภ.เมืองยะลา ได้เชิญผู้ที่เห็นเหตุการณ์มาให้ปากคำ เบื้องต้นพบเป็นชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดทำทีเติมลม ซึ่งพยานจำใบหน้าได้อย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดตามแยกต่างๆ เพื่อให้พยานตรวจสอบว่า หลังก่อเหตุคนร้ายผ่านในเส้นทางใดบ้าง

แหล่งข่าวได้แจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และข้าราชการ โดยเฉพาะครูในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา ให้เพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น หลังปรากฏหลักฐานว่า กลุ่มของนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรืออุสตาซรอฮิง แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่รอยต่อ อ.รามัน จ.ยะลา กับ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เข้ามาในพื้นที่ ต.อาซ่อง อ.รามัน มีการประชุมวางแผนกับแนวร่วมในพื้นที่ เชื่อว่ากลุ่มดังกล่าวอาจจะเตรียมก่อเหตุร้ายในช่วงนี้

-ฆ่าสาวก่อสร้างชาวสกลฯ

สำหรับเหตุการณ์ในจ.ยะลา วันเดียวกัน เวลา 12.15 น. ศูนย์วิทยุสภ.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ บริเวณสถานที่ก่อสร้างคูระบายน้ำ ข้างอาคารสำนักงานอบต.ลำใหม่ หมู่ 6 อ.เมือง จ.ยะลา จึงแจ้ง พ.ต.อ.ชัยทัต อินทนูจิตร รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่กองวิทยาการเขต 45 ยะลา รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ทีมดับไฟ- พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เข้ารายงานสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางสถานการณ์ร้อนระอุขณะนี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 10 มิ.ย.

เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบศพ น.ส.จิระพร อาศากิจ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 3 ต.บงเหนือ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร คนงานก่อสร้างบริษัทอาบาดีก่อสร้าง อ.ยะหา จ.ยะลา นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นไม้ริมคูน้ำ สภาพศพถูกยิงเข้าที่ลำตัว 2 นัด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม. 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนั้น ยังมีผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งร.พ.ศูนย์ยะลาอีก 2 รายคือ นายสุริยา เจ็บแหลม อายุ 19 ปี ถูกยิงเข้าศีรษะ อาการสาหัส แพทย์นำตัวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อช่วยเหลือชีวิต ส่วนอีกรายเป็นชายไม่ทราบชื่ออาการสาหัสเช่นกัน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนงานก่อสร้างคูระบายน้ำ หยุดพักเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ตรงจุดเกิดเหตุ คนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน มาจอดแล้วคนร้ายทำทีลงมาพูดคุยด้วย ก่อนชักปืนขนาด .38 และขนาด 9 ม.ม. ยิงใส่กลุ่มคนงานทันทีจนเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว ก่อนจะหนีไปตามเคย และทิ้งใบปลิวไว้ 2 แผ่น ระบุข้อความว่า "มึงเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ (มาลายู) กูเลยฆ่าพวกมึง" และ "มึงฆ่าผู้บริสุทธิ์ กูเลยต้องฆ่าพวกมึง"

-"สุเทพ"หวั่นชาวบ้านเสียขวัญ

วันเดียวกัน เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่มอบหมายให้ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ว่า ผบ.ทบ.รายงานผลทางโทรศัพท์ให้ทราบแล้ว ซึ่งหลักฐานที่ปรากฏชัดคือ การที่กลุ่มก่อการร้ายเข้าไปกราดยิงประชาชนที่กำลังทำพิธีทางศาสนาในมัสยิด เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะเป็นการกระทำที่ผิดมนุษยธรรมอย่างยิ่ง และประชาชนประณามการกระทำที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามในหมู่บ้านที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านที่พี่น้องประชาชนเข้าใจรัฐบาลดี และร่วมมือกับรัฐบาลในการพัฒนาโครงการต่างๆ ดี

"ผมกังวลใจเรื่องที่พี่น้องประชาชนจะตกใจ เสียขวัญกำลังใจ และขาดความอบอุ่น เพราะคนกลุ่มนี้ใกล้ชิดกับทางราชการ ทำกิจกรรมร่วมกันมาตลอด เมื่อเกิดเหตุจึงกำชับกับผบ.ทบ. ว่า ต้องเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนเหล่านี้เป็นพิเศษ ให้เพิ่มความเข้มข้นในการดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องในตำบลต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำบลที่พี่น้องมีความเข้าใจ มีความร่วมมือกับรัฐบาลเป็นอย่างดีให้มาก เพราะกลัวว่าพี่น้องเหล่านั้นจะไม่สบายใจ ผบ.ทบ.ก็บอกว่าจะให้กำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ได้ทำงานเต็มที่ บางพื้นที่งดวันลาใช้กำลังทั้งหมดที่มีอยู่ดูแลประชาชนให้เต็มที่" นายสุเทพกล่าว

-เน้นทหาร-ตร.ดูแลครูเป็นพิเศษ

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 3-4 ครั้งหลังสุดมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม นายสุเทพกล่าวว่า ตนคงไม่ไปวิเคราะห์พฤติกรรมของเขา แต่หน้าที่ของตนคือ ปรับปรุงการทำงาน การดูแลความปลอดภัยกับประชาชนดีที่สุด ดูแลข้าราชการ โดยเฉพาะครูได้ตกลงกันว่าครูจะต้องเดินทางทั้งไปและกลับ ต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา ถ้าครูมีภาระที่ต้องทำงานล่วงเวลา ต้องเพิ่มกำลังเป็นพิเศษในการรักษาความปลอดภัยและต้องพากลับบ้านให้ปลอดภัย ทั้งนี้สิ่งที่กังวลคือมีการวางระเบิดในเส้นทางที่เจ้าหน้าที่พาครูไปกลับทุกวัน เราต้องกำชับกำลังพลว่าต้องดูแลเส้นทางนี้ให้ปลอดภัยเป็นภาระของกำลังพลมากก็ต้องทำให้ได้

ต่อข้อถามว่าต้องถึงขั้นเสริมกำลังเพิ่มเติมหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มี ขณะนี้ไม่มีการเสริมกำลัง แต่จะใช้กำลังที่มีอยู่ให้มีประสิทธิ ภาพดีที่สุด เมื่อถามว่าทำไมเป้าหมายของผู้ก่อความไม่สงบจึงเป็นกลุ่มครูมากกว่ากลุ่มอื่น นายสุเทพกล่าวว่า ตนยังไม่ได้วิเคราะห์ลึกไปกว่านั้น เพียงแต่กำชับเจ้าหน้าที่ว่า ครูเป็นกลุ่มที่เขาไม่ได้ป้องกันตัวเอง เราต้องเข้าไปช่วยป้องกันให้เขา

เมื่อถามว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นจนรัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จะมีผลกระทบต่อเสียงพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า อย่าไปคิดเรื่องคะแนนเสียงให้คิดถึงตอนเลือกตั้ง วันนี้ต้องคิดถึงภาระหน้าที่ที่ต้องทำ มาเป็นรัฐบาลต้องทำให้ได้ ตนยังมั่นใจว่าเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แก้ไขปัญหาได้ ที่พูดไม่ได้โอ้อวด แต่ให้คิดว่าเป็นภาระหน้าที่และทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้จะเกิดความเสียหายกับประเทศโดยส่วนรวมเราต้องทำ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าทราบหรือไม่ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มไหนที่ก่อเหตุ นายสุเทพกล่าวว่า กลุ่มไหนก็แล้วแต่ที่เป็นกลุ่มก่อการร้ายเราก็ต้องดำเนินคดี ยืนยันว่าจะดำเนินการตามพยานหลักฐานที่มี ไม่ทำอะไรนอกกรอบกฎหมาย

-กำชับขับเคลื่อนแผน5จว.ใต้

ต่อมา เวลา 15.20 น. นายสุเทพให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ที่ประชุมได้พูดคุยเรื่องแผนงบประมาณที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ในแผนงานโครงการทั้งหมดที่จะดำเนินการในปี 2553 ซึ่งต้องใช้งบกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบปกติ 6,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงตกลงกันว่า จะทำคู่มือการปฏิบัติงานให้ทุกส่วนราชการที่ต้องลงไปปฏิบัติงานในภาคใต้ ให้เกิดความเข้าใจและนำไปกำหนดเป็นปฏิทินการทำงานให้ชัดเจน เช่น ออกแบบวางแผน หาผู้ประมูลงานเอาไว้ เพราะเมื่องบผ่านสภา และได้รับอนุมัติเมื่อไหร่ จะลงมือปฏิบัติทันที เพราะที่ผ่านมาเคยมีกรณีตัวอย่างให้เห็นว่างบผ่านไปแล้วกว่า 5 เดือน แต่ยังหาผู้ประมูลไม่ได้ ทำให้แผนการเบิกจ่ายงบไม่ได้ตามเป้าหมายและส่งผลให้การพัฒนาก็ไม่เป็นไปตามที่วางไว้

นายสุเทพกล่าวอีกว่า ที่ประชุมมอบหมายผอ.กอ.รมน. และผอ.ศอ.บต. ไปหารือร่วมกันเพื่อยกร่างคู่มือการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนพัฒนาพิเศษ เน้นย้ำเรื่องการพิจารณาจัดงบประมาณให้ครบถ้วนตามแผนงาน ตามที่ครม. เคยอนุมัติไว้ ที่บางเรื่องยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง ก่อนเสนอกลับมาให้คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ อีกครั้ง หากที่ประชุมเห็นชอบก็จะนำเสนอต่อครม.ภาคใต้ต่อไป

-ผบ.ทบ.ย้ำต้องรักษา3จว.ใต้

ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า จะไม่มีการปรับแนวทางในการแก้ปัญหา โดยจะใช้การพัฒนาเข้าไปในพื้นที่ และทำให้ประชาชนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน เข้าใจแนวทางของรัฐ ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่ารัฐจะใช้ทหารนำการเมืองนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ ทุกคนเข้าใจผิด ขณะนี้เราใช้การเมืองนำการทหาร ซึ่งรัฐได้ใช้กำลังพลของทหารและตำรวจรวม 4 หมื่นนาย เข้าไปพัฒนาทุกหมู่บ้าน เพื่อรักษาคน 2.1 ล้านคน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอในจ.สงขลา เอาไว้ให้ได้ ไม่ให้ถูกชักชวนเข้าไปสู่ขบวนการ

อย่างไรก็ตาม ไม่ขอระบุว่า ขณะนี้ผู้ก่อความไม่สงบเท่าไหร่ เพราะมีทั้งกลุ่มที่ตรวจสอบได้และไม่ได้ ส่วนการเพิ่มกำลังตำรวจและทหารลงไปในพื้นที่ ยืนยันว่าไม่มี แต่ได้สั่งการระดับปฏิบัติให้งดการลา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น หรือถ้าจำเป็นก็อาจจะโยกย้ายกำลังพลในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาเสริม เพราะการจะเติมกำลังพลลงพื้นที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้

-ยันคนก่อเหตุยิง-บึ้มกลุ่มเดิม

"เราไม่ได้ลงไปทำให้เหตุร้ายยุติไปเท่านั้น แต่จุดใหญ่ของภารกิจเราคือการรักษา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ ไม่ให้ถูกแย่งแยกดินแดนออกไปตามความมุ่งหมายของเขา ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ ก็ต้องทำให้คน 2 ล้านเข้าใจเรา ถ้าเราไม่เอากำลังทหาร ตำรวจเข้าไปดูแล ผู้ก่อความไม่สงบก็จะเข้ามาครอบ รัฐก็จะเข้าไปพัฒนาไม่ได้ และทำให้จำนวนผู้ก่อการร้ายมากขึ้น ที่ผ่านมาผู้ก่อความไม่สงบมีโครงสร้างการบริหารที่ทับซ้อนกับรัฐอยู่ 217 หมู่บ้าน ซึ่งฝ่ายรัฐก็พยายามเข้าไปในทุกหมู่บ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งขณะนี้สภาพของหมู่บ้านเป้าหมาย ก็เริ่มคล้ายกับหมู่บ้านทั่วๆ ไป" ผบ.ทบ.กล่าว

เมื่อถามว่ามีการสร้างอำนาจรัฐซ้อน หมายถึงมีตัวผู้นำที่ชัดเจนใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เราก็มีชื่ออยู่แล้ว ซึ่งสื่อคงทราบกันดีอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าเป็นกลุ่มอำนาจเก่าหรืออำนาจใหม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า ทางการข่าวก็เป็น กลุ่มที่รู้กันมา 2-3 ปีแล้ว ส่วนที่ผู้ก่อความไม่สงบใช้วิธีการเปลี่ยนไปจนทำให้มองว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใหม่นั้น ผบ.ทบ.กล่าวยืนยันว่า เป็น กลุ่มเดิม เพียงแต่เป็นแนวทางปฏิบัติที่เปลี่ยนไป เมื่อถามว่าทำไมถึงจัดการไม่ได้ทั้งที่รู้ส่วนหัวแล้ว พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า นั่นสิ ต้องยอมรับว่าผู้ก่อเหตุส่วนหนึ่ง ไม่มีพยานหลักฐานที่จะดำเนินคดีได้ จึงต้องใช้การเปลี่ยนแนวคิด

เมื่อถามว่าสถานการณ์หลังจากนี้จะรุนแรงมากขึ้นอีกหรือไม่ ล่าสุดเริ่มใช้คาร์บอมบ์แล้ว ผบ.ทบ.กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพยายามพูดคุยกับท้องถิ่น ถ้าไม่สามารถกำหนดจุดตรวจรถยนต์ได้รอบเมือง โดยเฉพาะย่านชุมชน ก็ต้องกำหนดให้ไปจอดในจุดที่ไม่ใช่ชุมชน โดยในช่วงตี 3-4 เจ้าหน้าที่อาจจะต้องจัดโซนจอดรถ ส่วนเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นขณะนี้ ก็คงเป็นเพราะภาครัฐทำงานได้ดีมาก ประกอบกับจะมีการประชุมโอไอซีในเร็วๆ นี้

เมื่อถามว่าจะการันตีความปลอดภัยให้นายสุเทพที่จะลงพื้นที่ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ได้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า อย่าถามอย่างนั้น "รปภ.ท่านคงมีมาตรการ ใครจะเป็นจะตาย ทุกคนก็เหมือนกับพลทหาร" พล.อ.อนุพงษ์กล่าวทีเล่นทีจริง เมื่อถามว่ากลัวว่าจะมีการจับตัวประกันหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐจะกลัวไม่ได้ กลัวหรือไม่กลัวก็ต้องลงไป

-จับพิรุธลือมั่วหลังถล่มมัสยิด

ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหา เป็น 3 ระดับ คือ 1.พื้นที่ที่มีความรุนแรงมากที่สุด จะใช้กฎอัยการศึก 2.พื้นที่ในเมืองจะใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3.พื้นที่ที่พัฒนาแล้ว ในอนาคตจะให้อยู่ในการดูแลของศูนย์บัญชาการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบ.ชต.) ที่มีโครงสร้างถาวรมาดูแลแทน รูปแบบโครงสร้างทั้งหมดจะเสร็จสิ้นก่อนการต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งต่อไป

นายปณิธานกล่าวว่า สำหรับการยิงที่มัสยิดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ขณะนี้กำลังรอผลตรวจจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ คาดว่าจะได้ผลในวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ เชื่อว่าการลงพื้นที่จังหวัดภาคใต้ของนายสุเทพ จะสามารถนำไปชี้แจงและสร้างความกระจ่างต่อประชาชนในพื้นที่ให้รับทราบว่า เกิดข่าวลือภายในชุมชน 2 แห่งที่อยู่ใกล้กับมัสยิดที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีความไม่ชอบมาพากลสูงและเป็นสิ่งที่เกิดเหนือความคาดหมาย อีกทั้งถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ และไม่มีใครคิดว่าจะมีคนก่อเหตุเช่นนี้ เจ้าหน้าที่จึงไม่ได้ระมัดระวัง

-ยธ.พบยอดสูญหาย149ราย

นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมได้ตั้งศูนย์ข้อมูลความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จ.ปัตตานี ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งดีเอสไอมีหน้าที่รวบรวมวิเคราะห์เชื่อมโยงเทคนิคการก่อเหตุของคนร้าย เพื่อหาความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้ต้องสงสัยและผู้กระทำผิด สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำฐานข้อมูลดีเอ็นเอและประวัติบุคคลต้องสงสัยไว้แล้ว 900 คน นอกจากนี้ยังทำฐานข้อมูลดีเอ็นเอของทหารและตำรวจในภาคใต้ไว้เพื่อตรวจสอบกับดีเอ็นเอ และร่องรอยต่างๆ ที่พบในจุดเกิดเหตุ สำหรับบุคคลสูญหายในภาคใต้ จากฐานข้อมูลมี 149 คน ส่วนการเก็บตัวอย่างสารเสพติดและสารประกอบระเบิดดำเนินการไปกว่า 6,000 รายการ และเก็บดีเอ็นเอจากวัตถุพยานและบุคคลรวมกว่า 20,000 ตัวอย่าง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดส่งให้กับหน่วยงานด้านความมั่นคงและพนักงานสอบสวนเพื่อสนับสนุนงานคดี

ไฟลล์แนบ: ระดับของกลุ่มสมาชิกนี้ไม่สามารถมองเห็นไฟลล์แนบได้
--แค่คำขอบคุณสักนิด จะลำบากไปไหมคะ--

TOP