Board logo

ชื่อกระทู้: สมุนไพรไทยกินต้านหวัด [พิมพ์หน้านี้]

โดย: soda    เวลา: 2008-12-30 14:03     ชื่อกระทู้: สมุนไพรไทยกินต้านหวัด

ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน บ้านเราก็หลีกหนีไม่พ้นเช่นกัน สังเกตได้จากสภาวะอากาศที่แปรปรวนไม่ตรงตามฤดูกาล (คาดว่าปีนี้จะแย่กว่าเดิม) ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจว่า หลายคนมีอาการเจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลหรือหวัดรุนแรง ยิ่งช่วงไหนระบบภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ โอกาสที่เชื้อโรคสารพัดจะฉวยโอกาสโจมตีก็มีมากเช่นกัน



     ด้วยเหตุนี้เราจึงควรรับประทานอาหารที่สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เพียงพอ ซึ่งมีอยู่ในสารอาหารจำพวกโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไขมันประเภทโอเมก้า-3 โอเมก้า-6 และ วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินบี เหล็ก สังกะสี ซีลีเนียม

     ทั้งนี้แหล่งของสารอาหารที่มีคุณสมบัติต้านหวัดไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในอาหารที่มีราคาแพง หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเท่านั้น แต่ผักพื้นบ้านไทยๆ ที่หาซื้อได้ง่ายตามตลาด ก็มีสรรพคุณในการป้องกันและบรรเทาอาการหวัดเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น

     * กระเทียม มีสรรพคุณทางยาโดยเฉพาะการต้านเชื้อโรค เนื่องจากกระเทียมมีสารอัลลิซิน (allicin) ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อได้ มีกลิ่นฉุนจะเกิดขณะทุบหรือบดกระเทียม ส่วนกระเทียมโทนที่มีกลิ่นและรสเผ็ดร้อนกว่ากระเทียมธรรมดาจะให้ประสิทธิภาพมากกว่า จากการศึกษาพบว่า กระเทียมโทนมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ดีกว่าเพนนิซิลลิน และเตตร้าซัยคลิน ที่เป็นยาฆ่าเชื้อ (ยาปฏิชีวนะ) ที่ใช้โดยทั่วไป นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคท้องเสีย แผลติดเชื้อ วัณโรค ไทฟอยด์ และกลากเกลื้อนอีกด้วย ซึ่งกระเทียมสดจัดว่ามีสรรพคุณรักษาอาการติดเชื้อได้ดีที่สุด เช่น น้ำคั้นหัวกระเทียมผสมน้ำอุ่นและเกลือเล็กน้อย เพื่อกลั้วคอการบรรเทาและรักษาทอนซิลอักเสบที่เริ่มเป็นหรือฆ่าเชื้อในปากและลำคอ

     * ขิง มีสารประกอบที่ให้รสเผ็ดร้อนอย่างจินเจอรอล และโชกาออล ที่ช่วยบรรเทาหวัดและไข้หวัดใหญ่ ซึ่งสามารถนำมาปรุงผ่านความร้อนหรือรับประทานสดก็ได้ นอกจากนี้ขิงยังสามารถบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้และวิงเวียนศีรษะได้อีกด้วย

     * มะขามป้อม ในส่วนที่กินได้ 100 กรัม มะขามป้อมมีวิตามินซี 276 มก. เราสามารถนำเนื้อผลแห้ง หรือสดมารับประทานเพื่อขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ นอกจากนี้ถ้านำผลแห้งมาต้มดื่มจะช่วยแก้ไข้

    * กะหล่ำปลี กะหล่ำปลีดิบให้มีวิตามินซีสูงที่สุด โดยเฉพาะกระหล่ำดาวที่ 1 ถ้วย มีวิตามินซีถึง 97 มก. แถมยังมีสารต้านมะเร็งหลายตัว ช่วยลดโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ได้โดยเราสามารถรับประทานแบบสดและปรุงสุก แต่ไม่ควรรับประทานกะหล่ำปลีสดในปริมาณมากๆ เพราะมีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) ซึ่งจะไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายขาดไอโอดีน แต่หากนำมาปรุงสุก กอยโตรเจนก็จะสลายไป

     * ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมในการบรรเทาและรักษาอาการเจ็บคอ ซึ่งเคยมีการศึกษาระบุถึงประสิทธิผลในการบรรเทาอาการหวัด (Common cold) ต่อมทอนซินอักเสบ มีคุณสมบัติแก้ไข้ (antipyretic) และต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) และมีสารแอนโดรกราโฟไลด์เป็นส่วนประกอบสำคัญ โดยสถาบันการแพทย์แผนไทยได้ระบุการทดลองให้ยาเม็ดสารสกัดฟ้าทะลายโจรที่ควบคุมให้มีปริมาณของแอนโดกราโฟไลด์ และดีออกซีแอนโดรกราไฟไลด์รวมกันไม่น้อยกว่า 5 มิลลิกรัม /เม็ด ครั้งละ 4 เม็ด วันละ 3 เวลา ในผู้ที่เป็นไข้หวัด พบว่าความรุนแรงของทุกอาการไอ เสมหะ น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดหู นอนไม่หลับและเจ็บคอน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเรานำส่วนลำต้นหรือใบสด 1 กำมือ มาทุบและบดต้มกับน้ำจิบเรื่อยๆ

     * พริก ปริมาณวิตามินซีในพริกมากน้อยแตกต่างในแต่ละสายพันธุ์ เช่น พริกชี้ฟ้า พริกหยวก ก็มีปริมาณวิตามินซีมากกว่าพริกขี้หนู เป็นต้น พริกมีสารที่ทำให้เกิดรสเผ็ดที่เรียกว่า Capsaicin ที่ช่วยบรรเทาให้ระบบทางเดินหายใจโล่งขึ้น และช่วยให้โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังดีขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นการสร้างสารไนตริกออกไซด์ ที่ช่วยขยายและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย
ทั้งนี้เพื่อให้การใช้พืชผักสมุนไพรไทยเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เราจำเป็นต้องเลือกใช้ให้ถูกชนิด ถูกส่วน ถูกขนาด ถูกวิธี และถูกอาการค่ะ
     วิตามินซีกับการต้านหวัด วิตามินซี จัดเป็นวิตามินที่ละลายน้ำและเป็นหนึ่งในวิตามินที่ร่างกายต้องการ และจำเป็นต้องได้รับทุกวัน เพื่อช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมระบบการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็ก และช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งเมื่อร่างกายขาดวิตามินซีอาจจะส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง เคยมีการศึกษาสนับสนุนว่า วิตามินซีช่วยบรรเทาความรุนแรง ลดระยะเวลาของการเป็นหวัดและช่วยบรรเทาอาการแพ้ต่างๆ ได้โดยเฉลี่ยปริมาณวิตามินซีที่ผู้ชายวัยผู้ใหญ่ต้องการคือ 90 มิลลิกรัมต่อวัน และผู้หญิงวัยผู้ใหญ่ 75 มิลลิกรัมต่อวัน

      แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนที่ชัดเจนว่า วิตามินซีเสริมขนาดสูงสามารถป้องกันโรคหวัดได้ แต่ก็มีประโยชน์ต่อผู้ที่ขาดหรือได้รับจากอาหารไม่เพียงพอ ซึ่งควรได้รับเพิ่มอีก 35 มิลลิกรัม เช่น

     * คนสูบบุหรี่
     * กำลังเตรียมเข้ารับการผ่าตัด หรือกำลังพักและฟื้นฟูหลังการผ่าตัด
     * ผู้ที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ
     * คนที่อยู่ในอากาศหนาวนานๆ
     * เด็กๆ ที่ขาดสารอาหาร
     * หญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่ให้นมบุตร
อ้างอิง
สมุนไพรเพื่อสุขภาพ—กรุงเทพฯ, 2546 หน้า 104
100 สุดยอด สมุนไพรบำรุงสุขภาพ : วิมลรัตน์ วรรณพฤกษ์ –กรุงเทพฯ, 2551 หน้า 200
เภสัชโภชนา : สรจักร ศิริบริรักษ์- กรุงเทพฯ, 2547 หน้า 51-67, 199
พลังมหัศจรรย์ในอาหาร: สรจักร ศิริบริรักษ์- กรุงเทพฯ, 2546 หน้า 109
คู่มือฉลาดใช้ วิตามิน แร่ธาตุ และสมุนไพร ; รีดเดอร์ส ไดเจสท์ - กรุงเทพฯ, 2548 หน้า 48, 56, 390
www.samunpai.com
www.medplant.mahidol.ac.th
www.ittm.dtam.moph.go.th
โดย: puengnam1    เวลา: 2008-12-30 15:02

ขอบคุณครับที่เอาสิ่งดีๆมาบอก
โดย: boy4240    เวลา: 2009-1-20 10:56

ขอบคุณครับ
โดย: TREE    เวลา: 2009-1-20 13:50

หน้าสนใจมากเลยครับ




ยินดีต้อนรับสู่ หน้าแรก เว็บบอร์ด (http://forum.soodaza.com/) Powered by Discuz! 6.0.0