ลูกกลมๆแดงๆมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์
มะเขือเทศเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีประโยชน์ให้คุณค่าสารอาหารทั้ง คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ นอกจากนี้ที่สำคัญยังพบว่า ในมะเขือเทศยังมีสารไลโคฟีน (Lycopene) ซึ่งเป็นคาโรทีนอยด์สีแดงที่มีโครงสร้างโมเลกุลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่แรง สามารถปกป้องเซลล์ร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในมะเขือเทศยังมีสารเบต้าแคโรทีน (Beta - Carotene) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน
ดังนั้นจากคุณสมบัติของสารไลโคฟีนและเบต้าแคโรทีน จึงทำให้มะเขือเทศเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์อย่างมากในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประโยชน์ในการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งบางชนิดได้ เช่น จากการศึกษาวิจัยพบว่าชายที่รับประทานซอสมะเขือเทศสัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้งมีความเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าชายที่รับประทานซอสมะเขือเทศน้อยกว่า
ดังนั้นจึงมีนักวิจัยแนะนำว่าชายที่มีปัญหามะเร็งต่อมลูกหมากควรรับประทานซอสมะเขือเทศวันละครั้ง และชายที่มีสุขภาพดีควรเลือกรับประทานซอสมะเขือเทศทุกวัน เพื่อเป็นการเพิ่มระดับไลโคฟีนในกระแสเลือดและเนื้อเยื่อต่อมลูกหมาก และนอกจากนี้สารไลโคฟีนยังช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย อันเป็นสาเหตุของโรคหรือภาวะต่างๆ เช่น
- โรคหลอดเลือดและหัวใจ
- การเกิดต้อกระจก
- การด้อยประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อผิวหนัง
- การแก่ก่อนวัย
- การมีภูมิคุ้มกันโรคลดลง
สารไลโคฟีนนอกจากจะได้จากมะเขือเทศสดแล้ว ยังพบว่าผลิตภัณฑ์มะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการผลิต เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ จะมีสารไลโคฟีนมากกว่ามะเขือเทศสด เนื่องจากผนังเซลล์
ในมะเขือเทศแตกออกและปลดปล่อยสารไลโคฟีนออกมาและการรับประทานอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย
จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารไลโคฟีนไปใช้ได้ดีขึ้นเนื่องจากสารนี้มีคุณสมบัติละลายในไขมันได้และสามรถรักษาสิว สมานผิวหน้าให้เต่งตึง โดยใช้น้ำมะเขือเทศพอกหน้า หรืออาจจะมะเขือเทศสุกฝานบาง ๆ แปะบนใบหน้า จะช่วยให้ผิวหน้าอ่อนนุ่ม
เมื่อเราทราบถึงประโยชน์ที่มากมายของเจ้ามะเขือเทศนี้แล้ว เราลองหันมากินมะเขือเทศหรือ ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศแทนผลไม้ของนอกกันดีกว่า ได้ทั้งประโยชน์ต่อสุขภาพกายและสบายกระเป๋าสตางค์อีกต่างหาก
