หน้าแรก เว็บบอร์ด


สั่งพิมพ์

เจาะชีวิต สาวรุ่นถึงลูกสอง แห่รับจ๊อบ อาบ อบ นวด เพราะพิษเศรษฐกิจ!?

เจาะชีวิต สาวรุ่นถึงลูกสอง แห่รับจ๊อบ อาบ อบ นวด เพราะพิษเศรษฐกิจ!?


อ่านรายงานพิเศษของหนังสือพิมพ์ "คมชัดลึก" วันนี้ (11 พ.ค.) เรื่องพิษเศรษฐกิจสาวแห่ลงอ่างเป็นหมอนวดหารายได้เสริม รู้สึกน่าสนใจบนความสะเทือนใจ


แน่นอนความเป็น "หมอนวด" ในโรงอาบ อบ นวด ที่เป็นที่เข้าใจกันได้ว่าเป็นแหล่งค้าบริการที่ถูกกฎหมาย ซึ่งท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ที่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด โดยวิธีการแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป


ทว่า สตรีที่หาทางออกด้วยการทำงานหวังเงินได้จำนวนมากและรวดเร็ว ก็กรณีนี้ที่คงพลีกายให้ชายแปลกหน้าเพื่อเงินที่จะต้องนำไปใช้อย่างเร่งด่วน...


อย่าง อรวรรณ หญิงสาววัย 25 ปี เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจนต้องหันมาหาลำไพ่พิเศษในอาบ อบ นวด บอกว่า จำเป็นต้องหาเงินส่งค่างวดธนาคาร เนื่องจากนำที่ดินของพ่อแม่ไปจำนองไว้สมัยที่สามีต้องการเงินไปลงทุนทำธุรกิจ แต่ขณะนี้สามีเสียชีวิตแล้ว จึงไม่มีเงินจ่ายหนี้ ค้างชำระมากกว่า 10 งวด จนธนาคารส่งหนังสือแจ้งเตือนว่าจะฟ้องศาล

"ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาขายตัว แต่มันจำเป็นไม่อยากให้ที่ดินของพ่อแม่โดนยึด พอหมดหนทางก็ต้องยอม วันแรกที่โทรศัพท์มาถามที่อาบ อบ นวดหน้าชาไปหมด รู้สึกกระดากอาย จากนั้นเขาก็นัดให้มาดูตัวเพื่อตกลงค่าแรง ซึ่งไม่มีเงินเดือนจะมีรายได้จากการขายบริการ โดยจะแบ่งกับเจ้าของอาบ อบ นวดคนละครึ่ง แรกๆ ก็ทำงานทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้ทำเฉพาะสัปดาห์แรกของเดือนและวันศุกร์กับวันเสาร์เพราะลูกค้าจะเยอะ" อรวรรณกล่าว


และไม่แตกต่างจาก เจี๊ยบ แม่ลูกสองวัย 29 ปี พนักงานรับโทรศัพท์บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ต้องเข้ามาสมัครเข้าทำงานอาบ อบ นวดแห่งหนึ่ง เพื่อหาเงินเป็นค่าเล่าเรียนบุตร


"สามีตกงานได้ 10 เดือนแล้วเพราะบริษัทขาดทุน แค่เงินเดือนของเราก็ไม่พอใช้ ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าที่พัก แถมทุกวันนี้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เงินเลยไม่พอใช้ต้องแอบมาขายตัวทุกวัน กลัวคนรู้จักมาเห็นเหมือนกัน แต่ทำอย่างไรได้เพราะอาชีพนี้รายได้ดี สามารถช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวได้" พนักงานรับโทรศัพท์ที่ผันตัวมาเป็นพนักงานอาบ อบ นวดกล่าว
ขณะที่ ก้อย นักศึกษาสาวชั้นปีที่ 3 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ยอมรับว่า
สาเหตุที่มาขายบริการทางเพศเพราะต้องการนำเงินไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และใช้เที่ยวเตร่กับเพื่อนๆ เพราะเงินที่พ่อและแม่ให้มาไม่พอใช้ อีกทั้งเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันก็ขายบริการทางเพศกันแทบทั้งกลุ่ม


จากหญิงสาวจะหาลำไพ่พิเศษโดยการสมัครเข้าทำงานในอาบ อบ นวดแล้ว ยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่เลือกหาลำไพ่พิเศษโดยการประกาศขายบริการทางเพศตามเว็บบอร์ดต่างๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รวมทั้งโปรแกรมสนทนาออนไลน์ ซึ่งวิธีการเสนอขายบริการทางเพศชนิดนี้ ผู้ขายบริการจะได้ค่าแรงในอัตราที่สูงกว่ากลุ่มที่ทำงานในอาบ อบ นวดเสียอีก เพราะไม่ต้องจ่ายค่าส่วนแบ่งให้แก่เจ้าของอาบ อบ นวด และยังไม่ต้องเขินอายผู้คนในสถานบริการ เพราะการติดต่อซื้อขายรู้กันระหว่างผู้ซื้อบริการและผู้ขายบริการเท่านั้น ปลดหนี้และรักษาแม่ได้แล้ว ก็จะเลิก
เลขาฯ แพทย์เปิดใจ

คงไม่มีสาวคนไหนคิดจะขายเรือนร่างตัวเองเพื่อแลกกับเงินแต่เมื่อภาวะเศรษฐกิจรุมเร้า ก็ไม่มีหนทางเลือก

อรพิน หรือ กวาง หญิงสาวจาก จ.สกลนคร วัย 25 ปี ปัจจุบันเธอทำงานเป็นเลขานุการของนายแพทย์ ผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องขายเรือนร่างเพื่อแลกเงิน


ตั้งแต่อายุ19 ปี หญิงสาวผู้นี้ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อหนีชีวิตที่ยากจนจากครอบครัวที่เป็นเพียงชาวนาจนๆ

"จำได้ชัดเจนว่าวันแรกที่ออกจากบ้าน เป็นเพราะแม่โทรศัพท์ไปหานายหน้าที่จัดหาคนงานไปทำงานที่กรุงเทพฯ ซึ่งเรารู้ดีว่านายหน้าคนนั้นคงส่งคนไปขายตัว เลยหนีออกจากบ้านตั้งใจมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ด้วยการทำงานส่งตัวเองเรียนโดยไม่รบกวนทางบ้าน" กวางเล่าความเป็นมา


ระยะแรกที่เข้ามาในกรุงเทพฯ กวาง พักอาศัยอยู่กับเพื่อนๆ เพื่อช่วยกันเฉลี่ยค่าเช่าห้อง และต้องไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว จนกระทั่งเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งเธอจึงย้ายออกมาอาศัยอยู่ตามลำพัง พร้อมกับสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง และคาดหวังว่าหลังจากเรียนจบจะมีหน้าที่การงานที่ดี หลุดพ้นจากชะตาชีวิตที่เป็นมาในอดีต
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความฝันของเด็กสาวจากต่างจังหวัดอย่างเธอเพราะหลังจากเรียนจบ กวาง ไม่มีโอกาสได้ทำงานตามที่เล่าเรียนมา เพราะจำนวนนักศึกษาที่จบมามากเกินกว่าที่ตลาดแรงงานจะรองรับได้

กวาง จึงต้องเบี่ยงเบนเข็มทิศชีวิต หันไปสมัครเข้าทำงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านอนุสาวรีย์ฯ โดยทำหน้าที่เป็นเลขานุการของนายแพทย์ผู้บริหารโรงพยาบาลคนหนึ่ง
"ครั้งแรกดีใจคิดว่ารายได้จากการทำงานในโรงพยาบาลดังกล่าวจะทำให้วิถีชีวิตเรากับครอบครัวดีขึ้น แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เมื่อแม่เกิดล้มป่วย ต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษาพยาบาล อีกทั้งที่นาที่นำไปจำนองไว้กับนายทุนกำลังจะโดนยึด เราเลยต้องตัดสินใจหาทางออก" กวางเผยที่มาก่อนตัดสินใจเป็นหมดนวด ทั้งๆ ที่เธอเคยหนีมันมาตั้งแต่อดีต


เมื่อสำรวจ สถานอาบ อบ นวด หลายแห่งในเขต กทม. พบว่าปัจจุบันแทบทุกแห่งมีหญิงสาวมาขายบริการทางเพศในรูปแบบสาวไซด์ไลน์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก บางแห่งมีปริมาณมากกว่าพนักงานประจำหลายเท่า โดยเฉพาะหญิงสาวเหล่านี้มีมาจากหลากหลายอาชีพ ทั้งข้าราชการ พนักงานออฟฟิศ แม่ค้า และนิสิต นักศึกษา ที่สำคัญหญิงสาวกลุ่มนี้นับวันอายุเฉลี่ยลดน้อยลงเรื่อยๆ

กีย์ มาม่าซัง วัย 50 ปีของสถานอาบ อบ นวด ชื่อดังแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก เปิดเผยว่า ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา อาบ อบ นวดแทบไม่ต้องพึ่งพาเอเย่นต์จัดหาเด็กสาวมาขายบริการทางเพศ เพราะเด็กสาวจะเข้ามาสมัครทำงานด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านนายหน้า ส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ต้องการทำงานแบบไซด์ไลน์ หรือเลือกทำงานเฉพาะในวันที่สะดวกเท่านั้น

"หญิงสาวที่มาสมัครงานมีตั้งแต่ข้าราชการ พนักงานออฟฟิศ แม่ค้าและนักศึกษา ตอนสัมภาษณ์ก็แทบไม่เชื่อว่าคนที่มีหน้าที่การงานดีแบบนี้จะมาขายตัว แต่เมื่อได้พูดคุยแล้วก็เข้าใจเพราะส่วนใหญ่เดือดร้อนเรื่องเงิน จากค่าครองชีพที่สูงขึ้นขณะที่รายได้เท่าเดิม" กีย์กล่าว

มาม่าซังรายเดิมกล่าวด้วยว่าหญิงสาวที่เข้ามาสมัครงาน 10 คน มี 7-8 คน ที่มีงานประจำทำหรือไม่ก็เป็นนักศึกษา และหากเปรียบเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าปัจจุบันมีหญิงสาวเข้ามาสมัครงานขายบริการทางเพศสูงขึ้นถึงร้อยละ 50


ขณะที่ นายเทียนชัย ผู้จัดการ อาบ อบ นวด ชื่อดังย่านถนนเพชรบุรี เปิดเผยว่า ผู้หญิงขายบริการในปัจจุบันแตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง สมัยก่อนจะเป็นเด็กสาวจากภาคเหนือหรือภาคอีสาน เข้ามาขายตัวโดยสังกัดเอเย่นต์ ส่วนมากมีความรู้ต่ำ แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้ามเด็กสาวมีการศึกษาสูง มีงานประจำทำ เข้ามาทำโดยไม่จ่ายค่าหัวคิวให้ใคร

"เดี่ยวนี้ค่าครองชีพสูงเงินเดือนประจำเขาไม่พอใช้ จึงมาหาลำไพ่พิเศษเดือนละ 2-3 วัน โดยเลือกวันมาเอง หากรายที่เป็นนักศึกษาส่วนมากต้องการค่าหอพัก ค่าเทอม บางรายมีแผงขายโทรศัพท์มือถือแต่พอหมุนเงินไม่ทันก็มาทำงาน ซึ่งครั้งแรกจะทำใจยากหน่อย พอครั้งต่อๆ ไปก็ชิน" นายเทียนชัยกล่าว

ทั้งนี้หญิงสาวขายบริการที่ทำงานในรูปแบบสาวไซด์ไลน์จะถูกแยกจากที่นั่งพนักงานประจำ โดยจะนั่งอยู่นอกตู้ ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มนักเที่ยวมากเป็นพิเศษ เพราะมีทัศนคติว่า สาวเหล่านี้ไม่ใช่มืออาชีพ มาทำงานเพียงครั้งคราวผิดกับพนักงานในตู้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานเก่าที่คุ้นหน้าคุ้นตาไม่น่าตื่นเต้นเท่าสาวไซด์ไลน์

อย่างสถานอาบ อบ นวดของนายเทียนชัย มีการจัดพื้นที่ให้พนักงานไซด์ไลน์นั่งอยู่บริเวณชั้น 3 ซึ่งจัดพื้นที่คล้ายกับร้านอาหาร มีดนตรีจัดแสดง และจะมีพนักงานบริการเดินถามตามโต๊ะ พร้อมแนะนำลูกค้าต้องการใช้บริการจากสาวแบบใด ส่วนใหญ่จะเชียร์สาวไซด์ไลน์มากกว่าเนื่องจากค่าตัวแพง สถานบริการได้เงินมากกว่า
และอีกชีวิตหนึ่งที่น่าสนใจ

กวาง เล่าว่า ครั้งแรกที่ขายบริการ ใช้วิธีประกาศผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยเข้าไปโพสต์ข้อความไว้ในบอร์ดสนทนาแห่งหนึ่ง ว่าต้องการผู้ใหญ่ใจดีรับเลี้ยงโดยขอเงินเดือนละ 20,000 บาท โดยยอมแลกกับเรือนร่าง แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ครั้งแรกได้เงินมาเพียง 5,000 บาท

"ตอนที่เจอผู้ชายคนหนึ่งเขาบอกว่ายินดีช่วยแต่ขอแบ่งจ่าย 4 ครั้งต่อเดือน สัปดาห์ละ 5,000 บาท โดยอ้างว่ากลัวเราหนี ก็ยอมไปพอเขาจ่าย 5,000 มาหาถึง 3 ครั้งในสัปดาห์เดียว หลังจากนั้นก็ติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย" กวางเล่าเหตุการณ์ในอดีต


หลังจากการขายบริการทางเพศครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ กวาง จึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปที่ฝ่ายบุคคลสถานอาบ อบ นวด แห่งหนึ่ง ย่านสุทธิสาร สมัครเป็นพนักงานไซด์ไลน์ ซึ่งผู้บริหารก็เรียกไปดูตัวและรับเข้าทำงาน โดย กวาง ได้ค่าแรงจากค่าตัวที่ขายบริการให้ลูกค้าในแต่ละรอบแบ่งกับเจ้าของสถานบริการคนละครึ่ง โดยไม่มีเงินเดือนประจำ

กวาง เล่าด้วยว่า ทุกวันนี้ไปทำงานทุกวันพฤหัสบดี วันศุกร์ และวันเสาร์ ช่วงเย็นหลังเลิกงาน โดยอาบ อบ นวด ตั้งค่าตัวไว้ที่ 2,400 บาท หลังหักส่วนแบ่งแล้วจะได้เงิน 1,200 บาทต่อรอบ โดยเริ่มงานตั้งแต่เวลา 18.00-24.00 น. แต่หากวันไหนโชคดีลูกค้านัดไปใช้บริการนอกสถานที่ ก็จะได้ค่าแรงรอบละ 2,500 บาทเต็มๆ ไม่ต้องแบ่งให้ใคร เฉลี่ยแล้วต่อวันจะได้เงินค่าตัวประมาณ 4,000-5,000 บาท


"แม้จะทำงานมา 8 เดือนแล้ว ก็ยังแอบร้องไห้ทุกวัน ทุกครั้งที่นอนกับผู้ชายแปลกหน้ามันเจ็บปวดนะ บอกไม่ถูก ตั้งใจว่าหลังจากปลดหนี้และหาเงินรักษาแม่ได้แล้ว ก็จะเลิก และจะไม่หวนกลับมาทำงานในอาชีพนี้อีก" เลขาผู้บริหารโรงพยาบาลกล่าวทิ้งท้าย

....
นั่นเป็นข้อมูล "คมชัดลึก" ที่สามารถบอกถึงสถานการณ์สังคมปัจจุบันได้อย่างมีมุมมอง..
ต้องยอมรับว่า ยุคสมัยนี้ "ผู้หญิง" ใจกล้าและมีความมั่นใจในตัวเองสูงและพร้อมที่จะยอมแลกสิ่งมีค่าในตัวให้ชายอื่นได้เชยชม

ทว่า การแก้ปัญหาเช่นนี้ก็มีมาทุกยุคทุกสมัย แต่ไม่เฟื่องฟูถึงขณะนี้
สมัยก่อนๆ ถ้าผู้หญิงมีปัญหาทางการเงิน ก็จะมีข่าวคราวว่าหาทางออกไปเป็น "เมียน้อย" เป็นผู้ชายที่จะอุปการะได้ ซึ่งก็เพียงเหตุผลหนึ่ง

แต่สมัยปัจจุบัน ความกล้าที่จะต้อง "รับแขก" ในโรงนวดในแต่ละวันที่มีเงินสูงวันละหลายพันเป็นสิ่งล่อใจ

บางคนทำเพื่อความจำเป็น.. น่าเห็นใจ
กระนั้น ก็มีข่าวคราวไม่น้อยว่า อาชีพ "หมอนวด" เริ่มเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับ ชาย หญิง คนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น!
เพราะว่าคิดเอาความมักง่าย, ได้เงินง่าย, นั่นเอง!

เห็นได้จากข่าวคราวตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่เด็กรุ่นใหม่แห่ไปขายบริการสถานที่ต่างๆ เช่น สนามหลวง ทั้งที่อายุวัยมัธยมเท่านั้น และโตจนบรรลุนิติภาวะแล้ว..
หลายคนก็ยึดอายุนี้ต่อไปเป็น "หมอนวด" ก็มี!

ฉะนั้น ทำอย่างไร เราถึงจะปลุกฝังค่านิยมแก่เยาวชนให้วิธีหาเงินที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี เพื่อไม่ให้ตกไปทำงานเช่นนี้มากขึ้น ซึ่งเสี่ยงกับโรคร้ายด้วย

ความ "จำเป็น"ของแต่ละคนต้องมีเหตุผลกำกับและมีค่านิยมที่ถูกต้องด้วย จึงจะสร้างสังคมคุณภาพได้ หากเรายอมเสียศักดิศรีเพราะเงินแบบง่ายๆ ก็เท่ากับเราย่อมรับ"เงินสามารถซื้อทุกอย่าง"ได้ด้วย.. เมื่อนั้นสังคมเราจะอยู่อย่างไร!!


ที่มา OKnation


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต



[ แก้ไขล่าสุด ozone เมื่อ 2008-5-13 20:26 ]
ไฟลล์แนบ: ระดับของกลุ่มสมาชิกนี้ไม่สามารถมองเห็นไฟลล์แนบได้

TOP