หน้าแรก เว็บบอร์ด


สั่งพิมพ์

เครื่องสำอางกรดผลไม้-สิวจากเชื้อเกลื้อน

เครื่องสำอางกรดผลไม้-สิวจากเชื้อเกลื้อน

Article: นพ.ประวิตร พิศาลบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง
สิวจากเชื้อเกลื้อน?
     Q : ผมชอบเล่นกีฬามาก ช่วงนี้สังเกตว่ามีอาการคันที่หลัง ส่องกระจกดูเห็นเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ ใช่สิวไหมครับ?
รังสิต / จ.นนทบุร

     A : จากข้อมูลที่ให้มาสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสิวจากเชื้อเกลื้อน ซึ่งลักษณะของโรคนี้คือพบตุ่มแดงเล็กๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 มม. ตามตำแหน่งรูขุมขน อาจพบตุ่มหนองขนาดเล็กบนตุ่มแดง พบตุ่มเหล่านี้ตามตำแหน่งที่ผิวหนังมีเชื้อเกลื้อนมาก คือ ที่หน้าอก หลังช่วงบน ต้นแขน หนังศีรษะ และคอ ไม่ค่อยพบที่ใบหน้า ถ้าไปตรวจ แพทย์อาจฉายแสงสีม่วง (Wood light) พบการเรืองแสงสีขาวหรือฟ้าที่รูขุมขน มักมีอาการคันร่วมด้วย (สิวทั่วไปมักไม่ค่อยคัน) มักเป็นที่ลำตัวช่วงบนของวัยผู้ใหญ่ตอนต้นจนถึงกลางคน ได้รับการรักษาแบบสิวธรรมดาก็ไม่ค่อยดีขึ้น สิวชนิดนี้เกิดจากเชื้อยีสต์ Malassezia furfur ซึ่งเป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ก่อให้เกิดเกลื้อน โดยตรวจพบเชื้อยีสต์ในรูขุมขน ปัจจัยที่กระตุ้นให้เชื้อยีสต์กำเริบ คือ โรคทางร่างกายบางอย่าง เช่น เบาหวาน เอดส์ การได้รับยากดภูมิต้านทาน นอกจากนั้นการตั้งครรภ์ การได้รับยาปฏิชีวนะ ยากันชัก การอยู่ในที่ร้อนชื้น การเล่นกีฬามีเหงื่อออกมาก การทาครีมบำรุงผิว น้ำมัน ยากันแดด หรือการสวมเสื้อผ้าหนาๆ ทำให้ผิวและรูขุมขนอับชื้นระบายอากาศไม่ดี

     โดยทั่วไปแพทย์วินิจฉัยโรคนี้ด้วยการดูด้วยตาเปล่า อาจขูดผิวมาดูเชื้อด้วยกล้องจุลทรรศน์
     แนวทางการรักษาสิวชนิดนี้ ใช้ยาทา เช่น ครีม หรือแชมพูคีโตโคนาโซล แชมพูซิลิเนียมซัลไฟด์ หรือยากินฆ่าเชื้อยีสต์ แต่ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องก่อน นอกจากนั้นการกินยาก็ต้องระวังเพราะยากลุ่มนี้ทำให้ตับอักเสบได้ครับ

เครื่องสำอางกรดผลไม้
     Q : อยากสอบถามคุณหมอประวิตรเรื่องเครื่องสำอางกรดผลไม้ ว่ามีกี่รูปแบบ? มีข้อแนะนำในการใช้อย่างไร? และเรื่องของการลอกหน้าด้วยกรดผลไม้ค่ะ
เพ็ญญาภรณ์ / จ.กรุงเทพฯ

     A : เครื่องสำอางกรดผลไม้แบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก คือ AHA และ BHA ที่นิยมใช้คือ AHA ก่อนใช้ต้องรู้ความเข้มข้นของตัวกรด และ ค่ากรดด่าง (pH) ของผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง AHA ส่วนใหญ่มีความเข้มข้นตั้งแต่ร้อยละ 1–15 ความเข้มข้นของ AHA ที่ต่ำที่สุดที่ทำให้ผิวลอกได้คือ ร้อยละ 4 ถ้าความเข้มข้นสูงถึงร้อยละ 8-15 ผิวจะลอกมากอาจทำให้ผิวระคายเคือง

      สำหรับค่าความเป็นกรดด่างควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่าความเป็นกรดด่างระหว่าง 3–5 ถ้าค่าต่ำกว่านี้ผลิตภัณฑ์จะมีฤทธิ์เป็นกรดมากและทำให้ระคายเคืองสูง ถ้าค่า pH สูง ผลิตภัณฑ์จะมีฤทธิ์เป็นด่าง ทำให้ผิวไม่ลอก คือใช้แล้วก็ไม่ได้ผล

      ก่อนซื้อควรดูฉลากเพื่อตรวจสอบส่วนผสม ถ้าพบว่าชื่อของ AHA เป็นส่วนผสมที่อยู่ท้ายๆ ของรายชื่อสารเคมีทั้งหมด อาจแสดงว่าผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนั้นมีส่วนผสมของ AHA น้อยเกินไปจนไม่ออกฤทธิ์ ในทางตรงข้ามถ้าชื่อของ AHA ปรากฏเป็นอันดับแรกก็แสดงว่าอาจมี AHA สูงเกินไป จึงควรปลอดภัยไว้ก่อนด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อ AHA เป็นลำดับรองหรือกลางบัญชีรายชื่อ ถ้าผลิตภัณฑ์ใดมีส่วนผสมของทั้ง AHA และ BHA ก็ต้องแน่ใจว่าไม่ได้มีความเข้มข้นมากด้วยกันทั้งคู่ เพราะจะยิ่งเสริมฤทธิ์ทำให้ผิวระคายเคืองมาก

      เนื่องจากกรดผลไม้ทำให้ผิวลอกและระคายเคืองได้ง่าย จึงต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มี
แอลกอฮอล์ผสมอยู่ เพราะยิ่งทำให้ผิวระคายเคือง ควรเลือกซื้อกระปุกที่เล็กที่สุดมาลองใช้ดูก่อน ถ้าเป็นไปได้ลองเตรียมกระปุกสะอาดไปเองและขอแบ่งผลิตภัณฑ์มาลองใช้ก่อน ขั้นแรกอาจลองทาดูที่ท้องแขนสัก 1 สัปดาห์ ถ้าผิวไม่แดงไม่ลอกจึงค่อยลองใช้กับใบหน้า

       เครื่องสำอางกรดผลไม้มีหลายรูปแบบได้แก่ครีม เจล และโลชัน ถ้ามีผิวแห้งแนะนำให้ใช้ในรูปของครีม แต่ถ้าผิวมันอาจลองใช้เจล หรือโลชัน ในคนผิวปกติทั่วไปแนะนำให้ใช้ AHA เริ่มต้นที่ความเข้มข้นร้อยละ 7-8 ทาต่อเนื่องกัน 4-6 สัปดาห์ แล้วจึงอาจใช้ความเข้มข้นสูงกว่านี้

ข้อควรปฏิบัติในการใช้เครื่องสำอางกรดผลไม้ (AHA) คือ

     1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจดก่อนทาเครื่องสำอาง

     2. หลังล้างหน้ารอให้หน้าแห้งก่อน 15 นาที แล้วจึงทาเครื่องสำอางน
ี้
     3. ค่อยๆ ป้ายเนื้อครีมทีละขนาดเท่าเม็ดถั่ว เกลี่ยเบาๆ ไม่ต้องนวด

     4. ทาเครื่องสำอางนี้เริ่มต้นวันละ 1 ครั้งก่อนนอน ถ้าผิวแห้งหรือลอกมากอาจลดมาเป็นทาวันเว้นวัน ถ้ายังลอกอยู่อาจต้องใช้ชนิดที่มีความเข้มข้นต่ำลง

     5. ถ้าทาเครื่องสำอางครบ 4-6 สัปดาห์แล้ว ผิวยังไม่แลดูดีขึ้น และไม่มีปัญหาผิวแห้งและระคายเคือง อาจเพิ่มการทาครีมเป็นวันละ 2 ครั้ง หรือใช้ชนิดที่มีความเข้มข้นสูงขึ้น

     6. ต้องใช้ยากันแดดร่วมไปด้วย โดยเป็นยากันแดดที่มีค่า SPF อย่างต่ำ 15

      7. ปัจจุบันมีเครื่องสำอางกรดผลไม้ผลิตแยกเป็นส่วน ๆ ของร่างกาย เช่น ใช้ทารอบตา ลำคอ ต้นขา เท้า และเล็บโดยเฉพาะ ซึ่งไม่จำเป็นและสิ้นเปลือง เท่าที่จำเป็นคือใช้ชนิดที่มี AHA ความเข้มข้นสูงทาตัว และความเข้มข้นต่ำทาหน้า ไม่ใช้เครื่องสำอางกรดผลไม้ทาเปลือกตาหรือทาริมฝีปากโดยเด็ดขาด

      8. เมื่อได้ผลิตภัณฑ์กรดผลไม้ที่ถูกใจแล้ว ให้ทาวันละ 1-2 ครั้งต่อเนื่องกันไป 6 เดือนถึง 1 ปี หรือจนกระทั่งไม่สามารถสังเกตเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นไปได้อีก ก็อาจลดการทาครีมลงได้ครึ่งหนึ่ง

       สำหรับการลอกหน้าด้วยกรดผลไม้ หรือ AHA นั้น ช่วยให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดคือชั้นขี้ไคลหลุดลอกออกไป ทำให้ผิวดูสดใสขึ้นได้บ้าง เพื่อความปลอดภัยควรให้แพทย์ผิวหนังเป็นผู้ลอกให้ โดยมากนิยมใช้ AHA ความเข้มข้นร้อยละ 20-70 ก่อนลอกหน้าต้องล้างและเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดก่อน ต้องใช้ผ้าก๊อซปิดตาหรือหลับตาให้สนิท เพราะถ้าน้ำยาเข้าตา ตาจะอักเสบระคายเคืองหลังทาน้ำยาจะมีอาการคันเล็กน้อย ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด หลังลอกหน้าด้วยวิธีนี้ ผิวอาจบวมแดงเล็กน้อย และลอกเป็นขุยในอีก 2-3 วันต่อมา ทั่วไปนิยมลอกหน้าด้วย AHA ต่อเนื่องกัน 6 ครั้ง โดยเว้นระยะครั้งละ 2-3 สัปดาห์ แต่จะใช้น้ำยาความเข้มข้นสูงหรือต่ำขนาดใด และลอกบ่อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน เนื่องจากการลอกหน้าด้วย AHA ทำให้ผิวหนังบางลง ผิวจึงได้รับอันตรายจากรังสียูวีในแสงแดดมากขึ้น ทำให้ผิวหนังเหี่ยวแก่เร็ว และเกิดมะเร็งผิวหนังได้ง่าย จึงไม่แนะนำให้ผู้ที่มีผิวขาวอยู่แล้วลอกหน้า และผู้ที่ลอกหน้าต้องหลบเลี่ยงการโดนแดดจัด และทายากันแดดร่วมด้วยเสมอนะครับ g

ที่มา Article: นพ.ประวิตร พิศาลบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง

สิวจากเชื้อเกลื้อน?
     Q : ผมชอบเล่นกีฬามาก ช่วงนี้สังเกตว่ามีอาการคันที่หลัง ส่องกระจกดูเห็นเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ ใช่สิวไหมครับ?
รังสิต / จ.นนทบุร

     A : จากข้อมูลที่ให้มาสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสิวจากเชื้อเกลื้อน ซึ่งลักษณะของโรคนี้คือพบตุ่มแดงเล็กๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 มม. ตามตำแหน่งรูขุมขน อาจพบตุ่มหนองขนาดเล็กบนตุ่มแดง พบตุ่มเหล่านี้ตามตำแหน่งที่ผิวหนังมีเชื้อเกลื้อนมาก คือ ที่หน้าอก หลังช่วงบน ต้นแขน หนังศีรษะ และคอ ไม่ค่อยพบที่ใบหน้า ถ้าไปตรวจ แพทย์อาจฉายแสงสีม่วง (Wood light) พบการเรืองแสงสีขาวหรือฟ้าที่รูขุมขน มักมีอาการคันร่วมด้วย (สิวทั่วไปมักไม่ค่อยคัน) มักเป็นที่ลำตัวช่วงบนของวัยผู้ใหญ่ตอนต้นจนถึงกลางคน ได้รับการรักษาแบบสิวธรรมดาก็ไม่ค่อยดีขึ้น สิวชนิดนี้เกิดจากเชื้อยีสต์ Malassezia furfur ซึ่งเป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ก่อให้เกิดเกลื้อน โดยตรวจพบเชื้อยีสต์ในรูขุมขน ปัจจัยที่กระตุ้นให้เชื้อยีสต์กำเริบ คือ โรคทางร่างกายบางอย่าง เช่น เบาหวาน เอดส์ การได้รับยากดภูมิต้านทาน นอกจากนั้นการตั้งครรภ์ การได้รับยาปฏิชีวนะ ยากันชัก การอยู่ในที่ร้อนชื้น การเล่นกีฬามีเหงื่อออกมาก การทาครีมบำรุงผิว น้ำมัน ยากันแดด หรือการสวมเสื้อผ้าหนาๆ ทำให้ผิวและรูขุมขนอับชื้นระบายอากาศไม่ดี

     โดยทั่วไปแพทย์วินิจฉัยโรคนี้ด้วยการดูด้วยตาเปล่า อาจขูดผิวมาดูเชื้อด้วยกล้องจุลทรรศน์
     แนวทางการรักษาสิวชนิดนี้ ใช้ยาทา เช่น ครีม หรือแชมพูคีโตโคนาโซล แชมพูซิลิเนียมซัลไฟด์ หรือยากินฆ่าเชื้อยีสต์ แต่ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องก่อน นอกจากนั้นการกินยาก็ต้องระวังเพราะยากลุ่มนี้ทำให้ตับอักเสบได้ครับ


เครื่องสำอางกรดผลไม้
     Q : อยากสอบถามคุณหมอประวิตรเรื่องเครื่องสำอางกรดผลไม้ ว่ามีกี่รูปแบบ? มีข้อแนะนำในการใช้อย่างไร? และเรื่องของการลอกหน้าด้วยกรดผลไม้ค่ะ
เพ็ญญาภรณ์ / จ.กรุงเทพฯ

     A : เครื่องสำอางกรดผลไม้แบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก คือ AHA และ BHA ที่นิยมใช้คือ AHA ก่อนใช้ต้องรู้ความเข้มข้นของตัวกรด และ ค่ากรดด่าง (pH) ของผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง AHA ส่วนใหญ่มีความเข้มข้นตั้งแต่ร้อยละ 1–15 ความเข้มข้นของ AHA ที่ต่ำที่สุดที่ทำให้ผิวลอกได้คือ ร้อยละ 4 ถ้าความเข้มข้นสูงถึงร้อยละ 8-15 ผิวจะลอกมากอาจทำให้ผิวระคายเคือง

      สำหรับค่าความเป็นกรดด่างควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่าความเป็นกรดด่างระหว่าง 3–5 ถ้าค่าต่ำกว่านี้ผลิตภัณฑ์จะมีฤทธิ์เป็นกรดมากและทำให้ระคายเคืองสูง ถ้าค่า pH สูง ผลิตภัณฑ์จะมีฤทธิ์เป็นด่าง ทำให้ผิวไม่ลอก คือใช้แล้วก็ไม่ได้ผล

      ก่อนซื้อควรดูฉลากเพื่อตรวจสอบส่วนผสม ถ้าพบว่าชื่อของ AHA เป็นส่วนผสมที่อยู่ท้ายๆ ของรายชื่อสารเคมีทั้งหมด อาจแสดงว่าผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนั้นมีส่วนผสมของ AHA น้อยเกินไปจนไม่ออกฤทธิ์ ในทางตรงข้ามถ้าชื่อของ AHA ปรากฏเป็นอันดับแรกก็แสดงว่าอาจมี AHA สูงเกินไป จึงควรปลอดภัยไว้ก่อนด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อ AHA เป็นลำดับรองหรือกลางบัญชีรายชื่อ ถ้าผลิตภัณฑ์ใดมีส่วนผสมของทั้ง AHA และ BHA ก็ต้องแน่ใจว่าไม่ได้มีความเข้มข้นมากด้วยกันทั้งคู่ เพราะจะยิ่งเสริมฤทธิ์ทำให้ผิวระคายเคืองมาก

      เนื่องจากกรดผลไม้ทำให้ผิวลอกและระคายเคืองได้ง่าย จึงต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มี
แอลกอฮอล์ผสมอยู่ เพราะยิ่งทำให้ผิวระคายเคือง ควรเลือกซื้อกระปุกที่เล็กที่สุดมาลองใช้ดูก่อน ถ้าเป็นไปได้ลองเตรียมกระปุกสะอาดไปเองและขอแบ่งผลิตภัณฑ์มาลองใช้ก่อน ขั้นแรกอาจลองทาดูที่ท้องแขนสัก 1 สัปดาห์ ถ้าผิวไม่แดงไม่ลอกจึงค่อยลองใช้กับใบหน้า

       เครื่องสำอางกรดผลไม้มีหลายรูปแบบได้แก่ครีม เจล และโลชัน ถ้ามีผิวแห้งแนะนำให้ใช้ในรูปของครีม แต่ถ้าผิวมันอาจลองใช้เจล หรือโลชัน ในคนผิวปกติทั่วไปแนะนำให้ใช้ AHA เริ่มต้นที่ความเข้มข้นร้อยละ 7-8 ทาต่อเนื่องกัน 4-6 สัปดาห์ แล้วจึงอาจใช้ความเข้มข้นสูงกว่านี้

ข้อควรปฏิบัติในการใช้เครื่องสำอางกรดผลไม้ (AHA) คือ

     1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจดก่อนทาเครื่องสำอาง

     2. หลังล้างหน้ารอให้หน้าแห้งก่อน 15 นาที แล้วจึงทาเครื่องสำอางน
ี้
     3. ค่อยๆ ป้ายเนื้อครีมทีละขนาดเท่าเม็ดถั่ว เกลี่ยเบาๆ ไม่ต้องนวด

     4. ทาเครื่องสำอางนี้เริ่มต้นวันละ 1 ครั้งก่อนนอน ถ้าผิวแห้งหรือลอกมากอาจลดมาเป็นทาวันเว้นวัน ถ้ายังลอกอยู่อาจต้องใช้ชนิดที่มีความเข้มข้นต่ำลง

     5. ถ้าทาเครื่องสำอางครบ 4-6 สัปดาห์แล้ว ผิวยังไม่แลดูดีขึ้น และไม่มีปัญหาผิวแห้งและระคายเคือง อาจเพิ่มการทาครีมเป็นวันละ 2 ครั้ง หรือใช้ชนิดที่มีความเข้มข้นสูงขึ้น

     6. ต้องใช้ยากันแดดร่วมไปด้วย โดยเป็นยากันแดดที่มีค่า SPF อย่างต่ำ 15

      7. ปัจจุบันมีเครื่องสำอางกรดผลไม้ผลิตแยกเป็นส่วน ๆ ของร่างกาย เช่น ใช้ทารอบตา ลำคอ ต้นขา เท้า และเล็บโดยเฉพาะ ซึ่งไม่จำเป็นและสิ้นเปลือง เท่าที่จำเป็นคือใช้ชนิดที่มี AHA ความเข้มข้นสูงทาตัว และความเข้มข้นต่ำทาหน้า ไม่ใช้เครื่องสำอางกรดผลไม้ทาเปลือกตาหรือทาริมฝีปากโดยเด็ดขาด

      8. เมื่อได้ผลิตภัณฑ์กรดผลไม้ที่ถูกใจแล้ว ให้ทาวันละ 1-2 ครั้งต่อเนื่องกันไป 6 เดือนถึง 1 ปี หรือจนกระทั่งไม่สามารถสังเกตเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นไปได้อีก ก็อาจลดการทาครีมลงได้ครึ่งหนึ่ง

       สำหรับการลอกหน้าด้วยกรดผลไม้ หรือ AHA นั้น ช่วยให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดคือชั้นขี้ไคลหลุดลอกออกไป ทำให้ผิวดูสดใสขึ้นได้บ้าง เพื่อความปลอดภัยควรให้แพทย์ผิวหนังเป็นผู้ลอกให้ โดยมากนิยมใช้ AHA ความเข้มข้นร้อยละ 20-70 ก่อนลอกหน้าต้องล้างและเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดก่อน ต้องใช้ผ้าก๊อซปิดตาหรือหลับตาให้สนิท เพราะถ้าน้ำยาเข้าตา ตาจะอักเสบระคายเคืองหลังทาน้ำยาจะมีอาการคันเล็กน้อย ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด หลังลอกหน้าด้วยวิธีนี้ ผิวอาจบวมแดงเล็กน้อย และลอกเป็นขุยในอีก 2-3 วันต่อมา ทั่วไปนิยมลอกหน้าด้วย AHA ต่อเนื่องกัน 6 ครั้ง โดยเว้นระยะครั้งละ 2-3 สัปดาห์ แต่จะใช้น้ำยาความเข้มข้นสูงหรือต่ำขนาดใด และลอกบ่อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน เนื่องจากการลอกหน้าด้วย AHA ทำให้ผิวหนังบางลง ผิวจึงได้รับอันตรายจากรังสียูวีในแสงแดดมากขึ้น ทำให้ผิวหนังเหี่ยวแก่เร็ว และเกิดมะเร็งผิวหนังได้ง่าย จึงไม่แนะนำให้ผู้ที่มีผิวขาวอยู่แล้วลอกหน้า และผู้ที่ลอกหน้าต้องหลบเลี่ยงการโดนแดดจัด และทายากันแดดร่วมด้วยเสมอนะครับ

TOP